นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อัพ ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,645-1,650 จุด จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และนักลงทุนยังคาดหวังเฟดขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง ขณะที่แนะให้ระวังการลงทุนในหุ้นที่เก็งกำไรไปมากแล้ว เนื่องจากอาจมีแรงเทขายออกมา รับกระแสข่าวหุ้น MORE กดดัน ให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,645-1,650 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อัพ ปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,645-1,650 จุด จากค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐที่อ่อนค่า และนักลงทุนคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง ในเดือนธ.ค.นี้ หลังเงินเฟ้อสหรัฐปรับตัวลง ซึ่งยังส่งผลดีต่อเนื่อง หนุนเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อ
ขณะที่การลงทุนวันนี้ให้ระวังความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นกับหุ้นที่มีการเก็งกำไรขึ้นไปค่อนข้างมาก ซึ่งอาจมีแรงเทขายออกมา จากผลกระทบของหุ้นบมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE) หลังราคาปรับตัวลงติดฟลอร์ 2 วันติดต่อกัน ประกอบกับดัชนี SET ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากอาจมีการพักตัวลงบ้าง
ให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,645-1,650 จุด แนะขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน และค่อยเข้าซื้อเมื่อดัชนีฯ อ่อนตัวลง
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,747.86 จุด เพิ่มขึ้น 32.49 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,992.93 จุด เพิ่มขึ้น 36.56 จุด หรือ +0.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,323.33 จุด เพิ่มขึ้น 209.18 จุด หรือ +1.88%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,277.64 จุด เพิ่มขึ้น 14.07 จุด หรือ +0.05%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,999.26 จุด เพิ่มขึ้น 673.6 จุด หรือ +3.88% หลังปิดวันศุกร์ (11 พ.ย.) ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,100.87 จุด เพิ่มขึ้น 13.58 จุด หรือ +0.44%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 พ.ย.65.) ที่ระดับ 1,637.29 จุด เพิ่มขึ้น 18.06 จุด, +1.12%
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 5,259.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 101พ.ย.65
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.(11 พ.ย.) พุ่งขึ้น 2.49 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 88.96 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงลดลง 3.9% ในรอบสัปดาห์นี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 พ.ย.) อยู่ที่ 7.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 36.00 ก่อนขยับแข็งค่ามาที่ 35.90 จับตาทิศทาง Flow-รอดูปัจจัยใหม่
- หุ้น MORE ป่วนวงการตลาดทุนหนัก หลังขาใหญ่โยนออเดอร์มูลค่ากว่า 4.3 พันล้าน ท่ามกลางกระแสข่าวไม่สามารถชำระราคาได้ ภาระทั้งหมดตกกับโบรกเกอร์ เร่งขอหน่วยงานรัฐเข้าดูแล เหตุหากปล่อยไว้บางโบรกอาจล้มได้ ด้าน “ปปง.-ดีเอสไอ-ตลท.-กลต.” ถกด่วน พร้อมสั่งเบรกออเดอร์ไว้ก่อน จนกว่าพิสูจน์ได้ว่าเป็นธุรกรรมสุจริต
- โพลเผยคนภาคกลางส่วนใหญ่เลือก “อุ๊งอิ๊ง” นายกฯ “พิธา-ประยุทธ์” ที่ 2-3 ส่วนพรรค “พท.-กก.” เบียดกัน “เพจตู่ตูน” รีรันผลงาน “ประยุทธ์” แย้มจ่อก้าวสู่เส้นทาง “นักการเมือง” เต็มตัว
- “ศักดิ์สยาม” สั่ง ทล.ทบทวนเพิ่มงบฯ มอเตอร์เวย์ “บางปะอิน-นครราชสีมา” ย้ำชง ครม.เฉพาะงานเพิ่ม (VO) ที่ยังไม่ก่อสร้าง คาดค่างานอยู่ที่ 5 พันล. ส่วนที่สร้างไปก่อนล่วงหน้า เอกชนต้องไปฟ้องศาล
- รมว.การท่องเที่ยวฯ นัดชงครม. 29 พ.ย.นี้ ขอเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. เร่งสรุปจังหวัดนำร่องหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ คนจับจ่ายคึกคัก มั่นใจนายกฯ สนับสนุน
- “แบงก์ชาติ” สั่งทำเกณฑ์ใหม่กำกับผู้ประกอบการธุรกิจลีสซิ่งเพิ่ม ป้องกันเอาเปรียบผู้บริโภค ชง ครม.ประกาศใช้ เน้นคุมรายใหญ่เบ็ดเสร็จเกือบ 2,000 บริษัท ที่มีพอร์ต 500 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งเช่าซื้อ “รถยนต์-มอเตอร์ไซค์” สำทับด้วยประกาศ สคบ.คุมเพดานดอกเบี้ย กระทบลีสซิ่งจักรยานยนต์ ประเมินปีหน้าฉุดยอดขายรถใหม่วูบ 3 แสนคัน เหลือทั้งปีแค่ 1.4 ล้านคัน ยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง เหตุผู้ประกอบการเช่าซื้อต้องเข้มปล่อยสินเชื่อสกรีนลูกค้ามากขึ้นฟาก “TK” เร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ หันลุยสินเชื่อจำนำทะเบียน-พีโลน
- “ชัชชาติ” นำทีม กทม. ถกประเด็นร้อน “ศักดิ์สยาม” หลังประชุมเอเปคเคลียร์ปมแสนล้านรถไฟฟ้า 3 สาย “สีเขียว-สีเทา-สีเงิน” เชื่อมระบบราง-ตั๋วร่วมทั่วกรุงเทพฯ แก้กับดักสัมปทานเดินรถ พร้อมโอนให้ “รฟม.” ดำเนินการ “คมนาคม” ขานรับย้ำต้องถูกกฎหมาย พร้อมสรุปเข้า ครม. เตรียมชงเดินรถเมล์สายสั้นจัดระเบียบเส้นเลือดฝอยรับกรุงเทพฯแห่งอนาคต
หุ้นเด่นวันนี้
- EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.30 บาท กำไรสุทธิไตรมาส 3/65 +56% Q-Q, -51% Y-Y ดีกว่าเราคาด 15% และดีกว่าตลาดคาด 25% หนุนจากเงินปันผลรับจาก KLINIQ แต่หากตัดออก กำไรจากการดำเนินงานปกติยังคงแข็งแกร่งใกล้เคียงคาด โดย Operation หลักยังทำได้ดีทั้งฝั่งรายได้และ Margin แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 4/65 อาจอ่อนตัว Q-Q ตามฤดูกาลเล็ก้นอย แต่คาดกำไรสุทธิจะโตแรงจากแรงหนุนของการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนใน KLINIQ ที่ถือหุ้นอยู่สัดส่วน 10% และการทยอยผ่อนคลายมาตรการ COVID-19 ของจีนเป็นบวกต่อธุรกิจ IVF ของ EKH
- IVL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 54 บาท ราคาพลังงานฟื้นตัวคาดหวังจีนเปิดประเทศ ขณะที่ต้นทุนก๊าซในยุโรปลดลงต่อเนื่องล่าสุดราคาก๊าชธรรมชาติในยุโรป (TTF Gas) ลดลงสู่ระดับ 97.85 ยูโร/MWh ต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
- AOT (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปี64/65 คาดเห็นโมเมนตัมการฟื้นตัวต่อเนื่อง ดีขึ้นทั้ง QoQ, YoY หนุนจากปริมาณเที่ยวบินอยู่ที่ 1.2 แสนเที่ยวบิน +14%QoQ, +343%YoY จำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 17.4 ล้านคน +29%QoQ, +1,654%YoY โดยสัดส่วนผู้โดยสารระหว่างประเทศขยับขึ้นมาเป็น 42.8% หลังจากเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ส่งผลบวกต่อรายได้ค่าบริการผู้โดยสารขาออก รายได้ Concession และรายได้ค่าจอดเครื่องบินสูงขึ้น สำหรับแนวโน้มไตรมาส 1 ปี65/66 (ต.ค.-ธ.ค.) เบื้องต้นในเดือน ต.ค.จำนวนผู้โดยสารอยู่ที่ 7 ล้านคน เพิ่มขึ้น +24%MoM และมีโมเมนตัมเร่งตัวขึ้นต่อในช่วงที่เหลือจนถึงสิ้นปี ส่งผลให้มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ในรอบ 10 ไตรมาส โดยในปี 65/66 เราคาดกำไร 1 หมื่นล้านบาท ภายใต้สมมติฐานจำนวนผู้โดยสาร 46 ล้านคน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 65)
Tags: ตลาดหุ้นไทย, บล.ทิสโก้, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล