นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ประเทศอินโดนีเซียได้ยื่นสัตยาบันสารความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนเรียบร้อยแล้ว ทำให้ความตกลง RCEP จะพร้อมใช้บังคับกับอินโดนีเซียในวันที่ 2 ม.ค.66 ซึ่งนับเป็นประเทศที่ 14 ต่อจากบรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา สปป.ลาว สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เมียนมา เกาหลีใต้ และมาเลเซีย
แม้อินโดนีเซียจะยกเว้นการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกจากไทยเกือบทุกรายการสินค้าแล้ว (99%) ภายใต้ความตกลง FTA ระหว่างอาเซียน 10 ประเทศ แต่ภายใต้ความตกลง RCEP อินโดนีเซียได้ยกเว้นภาษีเพิ่มเติมกว่าที่เปิดตลาดภายใต้ความตกลงที่อาเซียนกับคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ อาเซียน-จีน อาเซียน-ญี่ปุ่น อาเซียน-เกาหลี และอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ทั้งกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม เช่น เนื้อสัตว์ นม สินค้าประมง อาหารแปรรูป เครื่องนุ่งห่ม เหล็ก เครื่องจักรกล เครื่องปรับอากาศ และเครื่องจักรกลการเกษตร ดังนั้นถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่จะสามารถเลือกใช้วัตถุดิบจากอินโดนีเซีย ผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังตลาด RCEP โดยใช้เงื่อนไขการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้าของ RCEP และไทยสามารถนำวัตถุดิบจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มาใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า เพื่อส่งไปอินโดนีเซีย โดยใช้ประโยชน์จากการลดและยกเว้นภาษีภายใต้ RCEP
“RCEP เป็นความตกลงฉบับแรกของอาเซียนที่มีการจัดทำกฎถิ่นกำเนิดสินค้าทุกรายการสินค้า ทำให้กฎมีความชัดเจน สะท้อนกระบวนการผลิตสินค้าที่แท้จริง และยืดหยุ่นมากขึ้นกว่ากฎถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลง FTA ที่ผ่านมาของอาเซียน จึงจะช่วยสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยความสะดวกในการทำการค้าของผู้ประกอบการ และเพิ่มโอกาสที่จะขยายเครือข่ายการผลิตและการกระจายสินค้าภายในภูมิภาค ตลอดจนเชื่อมโยงสินค้าและบริการของไทยเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าในภูมิภาคและโลกได้มากขึ้น จึงทำให้ความตกลง RCEP เป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกและภูมิภาคหลังโควิด-19” นางอรมน กล่าว
ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 3 ของไทยในอาเซียน และเป็นอันดับที่ 7 ของไทยในโลก โดยในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.65) การค้าระหว่างไทยและอินโดนีเซีย มีมูลค่า 15,790 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 3.45% ของการค้ารวมของไทยกับโลก โดยไทยส่งออกไปอินโดนีเซีย มูลค่า 8,225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำตาลทราย เม็ดพลาสติก เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ และไทยนำเข้าจากอินโดนีเซีย มูลค่า 7,565 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้านำเข้าที่สำคัญ เช่น ถ่านหิน น้ำมันดิบ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และสินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 65)
Tags: RCEP, กระทรวงพาณิชย์, ส่งออก, อรมน ทรัพย์ทวีธรรม, อินโดนีเซีย