ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (11 พ.ย.) หลังจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด จะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 1.76% สู่ระดับ 106.2950
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 138.53 เยน จากระดับ 141.84 เยน, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9412 ฟรังก์ จากระดับ 0.9666 ฟรังก์, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3248 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3352 ดอลลาร์แคนาดา และดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับโครนาสวีเดนที่ระดับ 10.3512 โครนา จากระดับ 10.6139 โครนา
ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0366 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0183 ดอลลาร์ และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.1854 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1696 ดอลลาร์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนธ.ค. หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค.ที่ต่ำกว่าคาด
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 81% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 19% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
นอกจากนี้ นักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย และเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง หลังจีนส่งสัญญาณเปิดประเทศ โดยได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ในวันศุกร์ด้วยการปรับลดระยะเวลาการกักตัวของผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ รวมทั้งยกเลิกระบบลงโทษสายการบินในกรณีที่พบผู้โดยสารติดเชื้อโควิด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 65)
Tags: lifestyle, ค่าเงิน, ค่าเงินดอลลาร์, อัตราแลกเปลี่ยน