INTERVIEW: CPANEL นิวไฮต่อเนื่องรับก่อสร้างปีนี้คึกคัก ชูจุดแข็งโกยงาน EEC

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีแพนเนล (CPANEL) มั่นใจปี 65 ผลประกอบการเติบโตมากกว่า 25% ทำนิวไฮ (New High) อย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพการเป็น “Construction Tech” ชูจุดเด่นด้านนวัตกรรมที่สามารถออกแบบปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะการคุมต้นทุนก่อสร้างในยุควัสดุ-ค่าแรงพุ่ง พร้อมขยายโอกาสรับงานโครงการจากที่เคยเน้นบ้าน-คอนโดมิเนียม สู่อพาร์ทเม้นท์ โรงแรม และโรงพยาบาล รับปริมาณงานเพิ่มหลังกิจกรรมเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวฟื้น

ขณะที่มองว่าที่ตั้งฐานการผลิตในภาคตะวันออกและความชำนาญพื้นที่ รวมถึงข้อได้เปรียบด้านการขนส่ง จะเป็นปัจจัยหลักสนับสนุนการรับงานในพื้นที่ EEC หลังจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนใน EEC พร้อมเร่งดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ดีมานด์การก่อสร้างในพื้นที่พุ่งสูงขึ้น เป็นโอกาสสำคัญสำหรับ CPANEL ที่จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากระยะต่อจากนี้

อสังหาท้ายปีเติบโตต่อเนื่องถึงปีหน้ารับอานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น

นายชาคริต กล่าวว่า ปี 65 บริษัทตั้งเป้าเติบโต 25% ซึ่งแค่เพียงครึ่งปีก็เติบโตไปแล้วกว่า 24% จึงเชื่อว่าจะสามารถเติบโตทำนิวไฮ (New High) ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยเฉพาะช่วงครี่งปีหลังที่อุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นมาเติบโตได้อย่างคึกคักตอบรับปัจจัยบวกหลายหลายด้าน

ล่าสุด CPANEL แจ้งผลประกอบการไตรมาส 3/65 รายได้รวม 122.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92.67% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 24.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 613.29% ส่วนงวด 9 เดือนแรกมีรายได้รวม 316.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.52% และมีกำไรสุทธิ 48.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.48% เติบโตมากกว่าผลประกอบการทั้งปี 64 ที่มีรายได้รวม 312.44 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 31.80 ล้านบาท

นายชาคริต กล่าวว่า CPANEL เป็นธุรกิจต้นน้ำในกลุ่มก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจากการประเมินภาพรวมอุตสาหกรรมใน 2-3 ปี ก็ยังคงมีการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยอานิสงส์หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปลดล็อค LTV (Loan to Value) ในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้ความต้องการซื้ออสังหาฯ เพิ่มขึ้น 10-30% และหากประเมินจากตัวเลขของฝั่งธนาคารจะพบว่าตัวเลขการโอนเพิ่มขึ้นสูงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งบ้านแนวราบ 12% และคอนโดฯ 33%

แม้ล่าสุด ธปท.จะไม่ต่ออายุการผ่อนคลาย LTV แล้ว แต่ขณะนี้ภาคอสังหาฯ ถือว่าฟื้นตัวขึ้นมาได้พอสมควรแล้ว และคาดว่าโค้งสุดท้ายของปีนี้จะมีการเร่งซื้ออสังหาฯ เพิ่มขึ้นก่อนจะสิ้นสุดการผ่อนลายมาตรการ LTV ในสิ้นปีนี้

ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ทำให้ขณะนี้สต็อกโครงการในมือของผู้พัฒนาอสังหาฯลดลงไปมาก ดังนั้น ในปีนี้พบว่าตลาดก่อสร้างคึกคักมากขึ้น ทั้งการสร้างขึ้นมาเพื่อขาย และสร้างขึ้นมาชดเชยสต็อกที่ลดลงไป กลายเป็น Double Impact ที่เป็นปัจจัยบวกสำหรับบริษัท

และหากดูสัดส่วนรายได้จากเดิมที่มาจากบ้านแนวราบเป็นหลัก ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวสูงเพิ่มขึ้นกว่า 15% โดยเริ่มกลับมาขายดีอีกครั้งหนึ่ง และส่วนใหญ่เป็นอาคารประกอบทั้งหลังทำให้ CPANEL ได้ส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างสูง

มั่นใจข้อได้เปรียบในพื้นที่ EEC หนุนโอกาสกวาดงานเพียบ

บริษัทยังเชื่อว่าจากการมีฐานการผลิตใน จ.ชลบุรี และมีความชำนาญในพื้นที่ภาคตะวันออก ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบในการรับงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะในด้านการขนส่ง เนื่องจากขณะนี้มีดีมานด์การก่อสร้างพุ่งสูงมาก ตอบรับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ขณะนี้เริ่มเห็นการเกิด Hub ต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง ซึ่งทำให้เกิดชุมชนและการก่อสร้างที่อยู่อาศัยตามมา

นายชาคริต กล่าวว่า EEC มีการวางระบบขนส่งจาก กทม.ไปจนถึง จ.ระยอง และมีการเปิด Hub ต่าง ๆ ทางด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ตลอดเส้นทาง มีการส่งเสริมการลงทุนทั้งผู้ประกอบการในประเทศและจากต่างประเทศมากมาย ทำให้มีการย้ายฐานการผลิตเข้ามามาก

CPANEL ได้เปรียบเรื่องการขนส่ง เดิมทีเราเน้นรับงานใน กทม.และปริมณฑล แต่ปัจจุบัน EEC ที่เป็นเขตที่เราอยู่กำลังได้เปรียบ มีการขยับเข้ามาของกลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลาย ทำให้เรามีโอกาสได้งานจากต่างชาติเข้ามาด้วย ทั้งกลุ่มที่จะเข้ามาลงทุนโดยตรงที่ต้องการจะได้ BOI รวมไปถึงกลุ่ม Wealth with pension และกลุ่ม smart people ซึ่งเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลให้การส่งเสริมสนับสนุน พวกนี้ทำให้อสังหาฯในพื้นที่ดีขึ้น

ความเหนือกว่าของ Precast ในยุคต้นทุนการก่อสร้างพุ่ง

นาบชาคริต กล่าวว่า จุดเด่นของผนังสำเร็จรูป (Precast) คือ ใช้เวลาในการผลิตเร็วกว่า 3 เท่า ทำให้ประหยัดเวลาในการก่อสร้าง ประหยัดในส่วนของค่าแรง และลดจำนวนแรงงานในพื้นที่จริง (on-site) ไปกว่า 70% และด้วยเทคโนโลยี Fully Automate Precast Concrete ที่สร้างได้เร็ว ลดจำนวนคน คุณภาพคงที่ จนทำให้เกิดการยอมรับจากโครงการมูลค่าสูง (High-End) ล้างความเชื่อที่หลายคนเคยพูดว่า Precast จะใช้กับบ้านราคาถูกเท่านั้น ซึ่ง CPANEL เองก็ได้มีโอกาสเข้าไปรับงาน High-End มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป ตอกย้ำการแทนที่วัสดุก่อสร้างชนิดเดิม ๆ เพิ่มเติมรายได้จากหลากหลาย sector

“ถ้าเป็นเฉพาะฝั่งโครงการเราสร้างเสร็จเร็วกว่าการก่อสร้างรูปแบบเดิมถึง 3 เท่า ทำให้สามารถควบคุมงบก่อสร้างไม่ให้บานปลาย และคุมเวลาก่อสร้างได้ตามสัญญา ขณะที่ใช้แรงงานฝั่งโครงสร้างลดไป 70% เราเป็น cell Immune กับค่าแรงขั้นต่ำและเงินเฟ้อ อีกเรื่อง คือ เราเป็น Fully Automated เราใช้คนน้อยกว่าพรีแคสปกติอยู่แล้ว ถ้าชาวบ้านใช้ 100 เราใช้แค่ 10 เราค่อนข้างได้เปรียบ”

ายชาคริต กล่าว

เทคโนโลยีพรีแคส ยังได้รับการยอมรับมากขึ้นในปัจจุบัน เมื่อก่อนคนมักมองว่าพรีแคสใช้กับบ้านราคาถูก หรือ low end แต่พรีแคสของ CPANEL ใช้กับบ้านไฮเอนด์ 10-20-30 ล้านบาท และมาปีนี้บ้านไฮเอนด์ราคาขยับชึ้นไปเป็น 50-80 ล้านบาท เราเริ่มเห็นผู้พัฒนาอสังหาฯมาให้เราเข้าไปเสนอราคาแล้วสำหรับงานบ้าน 40-50 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเราจะเห็นภาพว่าการขยับเข้าไปแทนที่การก่อสร้าวบ้านปกติของพรีแคสสูงขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ

นอกจากนั้น บริษัทยังมองโอกาสการเข้าไปรับงานก่อสร้างโครงการที่หลากหลายมากขึ้น นอกเหนือจากงานประเภทบ้านที่อยู่อาศัย แนวราบและคอนโมดิเนียม ซึ่งในภาวะที่ต้นทุนก่อสร้างพุ่งสูง ทำให้กลุ่มก่อสร้างหันมาหาทางเลือกเพื่อทดแทน ซึ่งขณะนี้การใช้พรีแคสไปทดแทนยังต่ำมากเมื่อเทียบกับภาพรวมก่อสร้างทั้งระบบ โดยอยู่ที่ 7% ขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วอยู่ที่กว่า 70% จึงทำให้บริษัทมีโอกาสทางธุรกิจอีกมาก

“เพราะฉะนั้นแล้วถามว่าเรากังวลมั้ยว่า sector อสังหาฯ จะขึ้นลง เราไม่กังวลเลย เพราะเราเข้าไปแทนได้หมดในการก่อสร้าง และมันโตขึ้นทุกปีแน่ ๆ เราสามารถใช้ operation ที่มีรับลูกค้าแบบไหนก็ได้ อันนี้คือความสวยงาม เราไม่ได้ fix และเรารู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวตลาดคอนโดก็ต้องมา ถ้าคอนโดมาแล้ว อพาร์ทเม้นท์ โรงพยาบาล โรงแรมก็ตามมา มันเป็น section เดียวกัน ตอนนี้มีโรงแรมาคุย สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้เห็นว่าคตราบใดที่ยังมีการก่อสร้าง เราก็ยังโตได้”นายชาคริต กล่าว

นอกจากนั้น อีกจุดเด่นของบริษัท คือ การคุมต้นทุน ซึ่งในแง่ของลูกค้า บริษัทสามารถช่วยลูกค้าในการคุมต้นทุนได้ และในแง่ของบริษัทก็สามารถคุมต้นทุนการผลิตของตัวเองได้ดี ทำให้อัตรากำไร (GM) ขยับขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งโดยหลัก ๆ ไม่ได้มาจากการผลักภาระต้นทุนที่สูงขึ้นไปที่ลูกค้า แต่บริษัทเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนตลอดเวลา เป็นเรื่องที่ยั่งยืนทำให้สามารถต้นททุนลดลงเรื่อย และรักษาอัตรากำไรไว้ได้ อันนี้คือจุดแข็ง

Construction Tech เต็มตัว

“นักลงทุนอาจจะมองว่าเราเป็นธุรกิจหนักเหมือนคอนกรีต แต่จริง ๆ เราคือ tech construction เพราะฉะนั้น Growth หรือ margin ที่จะมองเราอาจจะมองเรามจากกลุ่มคอนกรีตตรง ๆ ไม่ได้ อาจจะต้องมองจากกลุ่ม tech ที่จะสามารถ scale up พวก technology และ fixed cost ได้

นายชาคริต กล่าวว่า หลายคนมอง CPANEL อยู่ในกลุ่มเดียวกับธุรกิจคอนกรีต แต่จริง ๆ ด้วยการทำงานของ CPANEL เราถือว่าอยู่ในกลุ่ม “Constriction Tech” เรามีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ทุกรูปแบบ และด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหาร ต่อให้มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาก็มั่นใจว่า CPANEL จะเป็น 1 ใน 1st Adopter

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top