นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกกกพ. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย.65 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ได้มีมติเห็นชอบทบทวนการกำหนดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา 97 (4) จากเดิม “โดยเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในอัตรา 0.5 สตางค์ต่อหน่วย” เป็น “โดยเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้าในอัตราไม่เกิน 0.5 สตางค์ต่อหน่วย” ตามที่ กกพ. เสนอ โดยมอบหมายให้ กกพ. ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เพื่อให้การบริหารจัดการ และการกำกับดูแลการนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า เป็นไปตามกรอบนโยบายตามที่ กพช. ให้ความเห็นชอบ และเป็นไปตามมติ กกพ. ในการประชุมเมื่อวันที่ 2 ก.ย.65 และ 12 ต.ค.65 ที่ให้ทบทวนอัตราการนำเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า ตามาตรา 97(4) และมาตรา 97(5) โดยเรียกเก็บจากผู้ได้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า ในอัตรา 0 (ศูนย์) เป็นการชั่วคราว สำนักงาน กกพ. จะเร่งดำเนินการออกประกาศ เรื่อง การนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำหรับผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และเทคโนโลยีที่ใช้ในการประกอบกิจการไฟฟ้า ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย (มาตรา 97(4)) และประกาศ เรื่อง การนำส่งเงินเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำหรับผู้รับใบอนุญาตจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ความตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า (มาตรา 97(5)) ในอัตรา 0 (ศูนย์) และจัดให้มีให้มีการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะผู้ที่เกี่ยวข้อง ผ่านทางเว็บไซด์สำนักงาน กกพ. ต่อไป
“คาดว่าจากมาตรการงดเว้นการจัดเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าเป็นการชั่วคราว จะสามารถลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนโดยเฉพาะในปี 66 ที่แนวโน้มค่าไฟยังคงมีแนวโน้มสูงและแพงต่อเนื่องได้รวม 1,534.92 ล้านบาท โดยจะลดภาระค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนลงเป็นจำนวน 0.0063 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่ม.ค.66 เป็นต้นไป”
นายคมกฤช กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 65)
Tags: กกพ., กองทุนพัฒนาไฟฟ้า, คมกฤช ตันตระวาณิชย์, ค่าไฟ, ค่าไฟฟ้า, ไฟฟ้า