เงินบาทเปิด 36.86 อ่อนค่าจากวานนี้ ให้กรอบ 36.70-37.05 จับตาเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 36.86 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 36.77 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทอ่อนค่า ขณะที่สกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสม เนื่องจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ เมื่อคืนนี้ แม้ผลการนับคะแนนยังไม่สรุป แต่พรรคริพับลิกันได้คะแนนเสียงน้อยกว่าคาด ประกอบกับตลาดสินทรัพย์เสียงพักฐาน ส่งผลให้เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์แข็งค่า

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.70 – 37.05 บาท/ดอลลาร์ ส่วนปัจจัยหลักที่ต้องติดตามคืน นี้ คือ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ THAI BAHT FIX 3M (9 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.30829% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.61633%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 146.32 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 145.75 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0020 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0060 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 36.853 บาท/ดอลลาร์
  • เฟทโก้” ชี้ “ตลาดหุ้นไทย” เป็นหลุมหลบภัย สะท้อนจากฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อเนื่อง แต่กลางปีหน้าหวั่นเกิดวิกฤติตลาด เกิดใหม่-ศก.โลกถดถอย ฉุดเงินไหลออก แจงประเทศไทยมีเวลา 6 เดือนเตรียมรับมือ เพื่อลดผลกระทบ
  • นักค้าทอง ประเมินราคาทองคำเริ่มเห็นสัญญาณกลับตัว สู่ขาขึ้น แนะจับตาแนวต้านสำคัญ 1,730 ดอลลาร์ หากทะลุขึ้นไป ได้ จะเป็นกลายเป็นขาขึ้นชัดเจน
  • รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ยอมรับกังวลรายได้ประเทศ เร่งกระตุ้นประชาชนให้เกิดการใช้จ่าย พร้อมลุ้นเฟดขึ้น ดอกเบี้ยกดเงินเฟ้อ อาจกระทบค่าเงินบาท และเศรษฐกิจไทย แต่หากสถานการณ์เอื้อ อำนวย รัฐบาลไม่ลังเลที่จะเสนอมาตรการตรึง ราคาน้ำมันดีเซล เข้าครม.ก่อนมาตรการสิ้นสุด 20 พ.ย.นี้
  • นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า สมาคมโรงแรมไทยร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจความเชื่อมั่นผู้ ประกอบการที่พักแรมประจำเดือนต.ค. 2565 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 49% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ตามผลของวันหยุดยาวและปิด เทอม รวมถึงการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันในเดือนสุดท้าย และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยเข้ามา ขณะที่คาดคาดการณ์อัตราการ เข้าพักในเดือนพ.ย. 2565 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 52%
  • ส.อ.ท.แนะรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ เพื่อเป็นของขวัญกระตุ้นใช้จ่ายโค้งสุดท้ายปีนี้ หนุนรีวิวคนละครึ่งเฟส 6 กลับใช้วงเงินเดิมที่ 3,000 บาท เพิ่มจำนวนสิทธิ์เที่ยวด้วยกัน 2 ล้านสิทธิ์ ลดหย่อนภาษีช้อปดีมีคืน 3 หมื่นบาท ฯลฯ พร้อมทบทวน สำรองไฟหวังกดค่าไฟลดลง ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนคาดดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,685 จุด
  • ไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศยกเลิกข้อตกลงซื้อกิจการเอฟที เอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโทฯ โดยการตัดสินใจดังกล่าวอาจส่งผลให้บริษัทเอฟทีเอ็กซ์ มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับ ภาวะล้มละลาย
  • ราคาบิทคอยน์-คริปโทฯ ร่วงหนัก เหตุนักลงทุนกังวลต่อการล้มละลายของ FTX และสถานะของเงินทุนของลูกค้า ฉุดให้ ราคา BTC ร่วงลงอย่างรุนแรงอยู่ที่ 17,631.10 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 10.42% และ ETH 1,191.73 ดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 19.41% สร้างจุดต่ำสุดใหม่ในรอบปีนี้ ขณะที่เหรียญนิยมของไทย KUB ร่วง 11.81% เหลือ 53.01 บาท และ SIX อยู่ที่ 1.7471 บาท ลดลง 8.98% ยกเว้น JFIN บวก 8.29%
  • นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรคใดจะได้ครองเสียงข้างมาก ในสภาคองเกรส นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของราคาคริปโทเคอร์เรนซียังสร้างแรงกดดันต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้น นิวยอร์กด้วย
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (9 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐ และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (9 พ.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะ ที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันนี้
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปจะปรับตัวขึ้น 7.9% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 8.2% ในเดือนก.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวจากระดับ 6.6% ในเดือนก.ย.
  • นักลงทุนยังรอดูผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ โดยสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง กลางเทอมล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันคว้าที่นั่งในวุฒิสภามากกว่าพรรคเดโมแครต โดยอยู่ที่ 49:48 จากจำนวนทั้งสิ้น 100 ที่นั่ง โดยทั้ง สองพรรคต้องการได้มากกว่า 50 ที่นั่งจึงจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ส่วนในสภาผู้แทนราษฎร ผลการนับคะแนนล่าสุด พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถคว้าที่นั่งมากกว่าพรรคเดโมแครตเช่นกัน โดยอยู่ที่ 203:187 จากจำนวนทั้งสิ้น 435 ที่นั่ง โดยพรรคที่ได้ 218 ที่นั่งจะครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
  • ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ จะจัดการแถลงข่าวในวันนี้เกี่ยวกับการเลือกตั้งกลางเทอม ของสหรัฐที่เพิ่งผ่านพ้นไป ซึ่งพรรคเดโมแครตได้รับคะแนนเสียงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ไม่ทิ้งห่างจากพรรครีพับลิกันมากนัก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 65)

Tags: ,
Back to Top