นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินการของ บมจ.เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป ที่เป็นบริษัทในกลุ่ม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายปี 66 เดอะ คอฟฟี่ คลับ จะมีรายได้ 800 ล้านบาท หรือมีการเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากปีนี้คาดว่าจะมีรายได้กว่า 500 ล้านบาท โดยเตรียมที่จะมีการขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 6 สาขา แบ่งเป็นสาขาขนาดเล็ก 4 สาขา งบลงทุนราว 2-3 ล้านบาท/สาขา และ สาขาขนาดใหญ่ งบลงทุน 7-8 ล้านบาท/สาขา จาก ณ สิ้นปีนี้จะมีสาขาทั้งหมด 39 สาขา และ สาขาในสนามบินสุวรรณภูมิ 5 สาขา โดยจะเน้นการให้บริการแก้ลูกค้าชาวไทยเป็นหลัก
ด้วยการมุ่งเน้นสะท้อนจุดแข็งของการให้บริการรูปแบบ “ร้านกาแฟออลเดย์ไดนิ่ง” ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศออสเตรเลียให้เข้าถึงคนไทยมากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “โมเมนต์ดี ๆ ที่มีได้ทุกวัน” ด้วยการต่อยอดเมนูอาหารทั้งคาว-หวาน รวมถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ ให้มีความหลากหลายและมีรสชาติอร่อยกว่า 100 เมนู พร้อมการให้บริการเป็นไปตามมาตรฐาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในราคาที่เหมาะสมและทุกคนเข้าถึงได้
สำหรับทิศทางในช่วงไตรมาส 4/65 ของ เดอะ คอฟฟี่ คลับ ยังมีโอกาสในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์และมาตรการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ จึงวาง 3 กลยุทธ์โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์มากขึ้น เพื่อตอกย้ำการเป็นร้านกาแฟแบบออลเดย์ไดนิ่งชั้นนำสัญชาติออสเตรเลียทั้งแก่คนไทยและต่างชาติ ประกอบด้วย
1. ความเป็นที่สุดด้านกาแฟและอาหารเช้า (Winning in Coffee & Breakfast Credentials) การันตีด้วยรางวัล “Golden Bean Award” จากออสเตรเลีย 3 ปีซ้อน ในขณะเดียวกันยังเดินหน้าเปิดตัวเมนูกาแฟฟรุตตี้ใหม่ 2 เมนู ได้แก่ กาแฟมะพร้าว (Espresso Coconut) และกาแฟส้มจี๊ด (Espresso Soomjeed) ในช่วงปลายปีนี้
2.การสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้าและสมาชิก (Winning in VIP Member) เพื่อเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ให้กว้างมากขึ้น ด้วยการจัดโปรโมชั่นที่จะช่วยดึงดูดให้ผู้ใช้บริการเข้ามาเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายสมาชิกอยู่ที่ราว 100,000 ราย และ 3.การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า (Winning in Experience) ด้วยการนำเสนอเมนูอาหาร ของหวาน เบเกอรี่ เครื่องดื่มใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการทยอยปรับดีไซน์ร้านที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความทันสมัยมากขึ้น
“หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น และมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ส่งผลให้มีผู้เข้ามาใช้บริการที่ร้านจำนวนมากยิ่งขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งทางแบรนด์ได้พัฒนาและปรับปรุงเมนูใหม่ ๆ ทั้งในกลุ่มที่เป็นซิกเนเจอร์อย่าง เมนูอาหารเช้า (Breakfast Credentials) และเครื่องดื่มเมนูกาแฟ (Coffee Credentials) ให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของแบรนด์ เดอะ คอฟฟี่ คลับ”
นางนงชนก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ย. 65)
Tags: MINT, นงชนก สถานานนท์, หุ้นไทย, เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป