MTC ร่วง 7.28% ตอบรับกำไร Q3/65 ต่ำคาดหลัง NPL เพิ่ม-Loan Yield ปรับลง

MTC ปรับลง 7.28% หรือ ลดลง 2.75 บาท มาที่ 35.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 796.66 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.59 น. จากราคาเปิด 36.75 บาท ราคาสูงสุด 37.00 บาท ราคาต่ำสุด 35.00 บาท

บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ปรับคำแนะนำลงเป็น “ขาย” จากเดิม “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 34.00 บาท อิง 2023E PBV ที่ 2.1x (-3.5 SD below 5-yr average PBV) (เดิม 38.00 บาท อิง 2023E PBV ที่ 2.4x) โดยเป็นผลของการ de-rate PBV ลงเพื่อสะท้อนปัญหา NPL ที่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 1.21 พันล้านบาท (ทรงตัว YoY แต่หดตัว -13% QoQ) ต่ำกว่าตลาดคาด -12% จาก NPL และสินเชื่อจัดชั้น stage 2 ปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติใหม่ ทั้งแง่มูลค่า และ ratio, credit cost เพิ่มขึ้นสูงเป็น 3.5%, coverage ratio เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 102% ซึ่งถือว่ายังต่า เมื่อเทียบกับช่วงปี 2563 -2564 ที่เฉลี่ยที่ 180%

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 5.2 พันล้านบาท (+6% YoY) แต่ปรับกำไรสุทธิปี 2566 ลง -11% เป็น 5.4 พันล้านบาท (+4% YoY) จากการปรับเพิ่ม NPL และ credit cost ขึ้น เพื่อสะท้อนคุณภาพสินเชื่อที่จะยังไม่มีดีขึ้นในช่วงเศรษฐกิจที่ชะลอ และเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูง

ราคาหุ้น underperform SET -28% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากความเสี่ยงต่างๆที่ยังไม่คลี่คลาย ทั้ง NPL, cost to income และ credit cost ที่จะยังอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้เราแนะนำ “ขาย” จากผลการดำเนินงานปี 2566 ที่จะทรงตัว, ความเสี่ยงจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ทั้งคุณภาพสินเชื่อที่ตกชั้นมากขึ้น และ loan yield ที่จะยังลดลงในช่วงไตรมาส 4/65 -ต้นปี 2566

ทั้งนี้บริษัทได้มีการประกาศเพิ่มทุน บริษัท เมืองไทย เพย์ เลเทอร์ จำกัด (บริษัทย่อยที่ถือหุ้น 99.99% และเป็นผู้ให้บริการสินเชื่อ BNPL) เป็น 1.0 พันล้านบาท (เดิม 100 ล้านบาท) สะท้อนถึงแนวโน้มสินเชื่อ BNPL ที่จะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 2% ของสินเชื่อรวม อย่างไรก็ตามปกติสินเชื่อ BNPL จะมี NPL ที่สูงกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ทำให้เรายังคงกังวลว่าคุณภาพสินเชื่อจะยังไม่ฟื้นตัวในเร็ววัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top