นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การประชุมเอเปคในสัปดาห์หน้า ที่เอกชนอยากให้มองเรื่องการค้าเป็นหลักโดยก้าวข้ามเรื่องการเมืองนั้น ตนคิดว่าไม่มีใครเอาเรื่องการเมืองไปเกี่ยว ซึ่งจากการที่ได้เป็นประธานในที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเอเปคเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้ข้อสรุปในส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและการค้าของกลุ่มเศรษฐกิจมาก เช่น การตั้งเป้าหมายว่าในอนาคต จะปรับรูปแบบจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปเป็นเอฟทีเอเอเปค (FTAAP) ซึ่งจะช่วยให้ความผูกพันทางการค้ามีกฎกติกาชัดเจนเป็นเขตการค้าเสรี ซึ่งจะทำให้ FTAAP หรือเขตเศรษฐกิจเอเปคเป็น FTA ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนที่ RCEP
พร้อมกันนี้ จะดำเนินการขับเคลื่อนให้องค์การการค้าโลก (WTO) ปรับกฎเกณฑ์กติกาให้เป็นธรรมกับประเทศทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา หรือประเทศด้อยพัฒนา รวมทั้งตั้งเป้าว่าจะขับเคลื่อน BCG โมเดล โดยผลักดันในที่ประชุมเอเปคต่อไปด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง เป็นเรื่องของการทำหน้าที่ระหว่างประเทศ ระหว่างขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้า
ส่วนความคืบหน้าการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียที่ผ่านมานั้น การค้ากับประเทศซาอุฯ ได้ดำเนินการต่อเนื่องประสบความสำเร็จมาก การที่ตนนำคณะเอกชนไปเยือนได้ตัวเลขการค้า 10,000 กว่าล้านบาท ทำให้มีโอกาสเกิด FTA กับกลุ่ม GCC (Gulf Cooperation Council) ซึ่งเป็นกลุ่มความร่วมมือของประเทศริมอ่าวอาหรับ 6 ประเทศ ประกอบด้วย ซาอุฯ คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กาตาร์ และบาห์เรน ซึ่งซาอุฯ รับหลักการจะช่วยประสานเรื่องนี้ให้
นอกจากนั้น การซื้อขายระหว่างกันเบื้องต้นที่ได้ข้อสรุปมีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ไทยสามารถนำเข้าปุ๋ยจากซาอุฯ ได้เพิ่มอีก 100,000 ตัน และล่าสุดซาอุฯ อนุญาตให้ไทยส่งออกไก่ไปซาอุฯ ได้ ก่อนหน้านี้ส่งได้เฉพาะไก่ทั้งตัว จากนี้สามารถส่งไก่ที่เป็นชิ้นส่วนได้ รวมทั้งไก่ต้มสุกที่พยายามมานานซึ่งมีมูลค่ามหาศาล จะทำให้มูลค่าการส่งออกไทยไปซาอุฯ เพิ่มขึ้น และจะหาโอกาสพูดคุยต่อไปในอนาคตในช่วงประชุมเอเปค
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 65)
Tags: กระทรวงพาณิชย์, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, ประชุมเอเปค