ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (7-11 พ.ย.) ไว้ที่ระดับ 37.00-38.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือนต.ค. ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ในมุมมองของผู้บริโภคเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน อาทิ ตัวเลขทุนสำรองฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 ของอังกฤษและอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เงินบาทปรับตัวผันผวน โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์ สอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ซึ่งเผชิญแรงขายตามค่าเงินหยวนหลังจากข้อมูล PMI เดือนต.ค. ของจีนออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าในช่วงก่อนการประชุม FOMC ซึ่งตลาดมีความหวังว่า เฟดอาจเริ่มส่งสัญญาณชะลอแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดี เงินบาทล้างช่วงบวกลงเกือบทั้งหมดและกลับมาอ่อนค่าหลังการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 3.75-4.00% ตามคาด แต่ท่าทีของประธานเฟดที่ยังคงกังวลเงินเฟ้อก็สะท้อนว่า เฟดจะยังไม่ยุติวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้
โดยเงินบาทแข็งค่ากลับมาได้อีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ ตามสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามตัวเลขตลาดแรงงานเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 37.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 ต.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 14,191 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตร 14,429 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 15,696 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 1,267 ล้านบาท)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ย. 65)
Tags: ค่าเงินบาท, ธนาคารกสิกรไทย, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท