นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม (KLINIQ) เปิดเผยว่า KLINIQ เตรียมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก 7 พ.ย.นี้ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ มั่นใจว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน ในฐานะผู้นำธุรกิจสุขภาพและการแพทย์ความงามครบวงจร คลินิกเจ้าแรกของประเทศไทยที่เข้าระดมทุนตลาดหุ้นสำเร็จ ภายใต้จุดแข็งแบรนด์ THE KLINIQUE ที่มีความแข็งแกร่ง ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ นวัตกรรมเครื่องมือ US FDA และประสบการณ์มายาวนานกว่า 13 ปี
อีกทั้งยังมีจุดแข็งในเรื่องของโมเดลธุรกิจ Asset Light และฐานะการเงินที่มีความแข็งแกร่ง ไร้หนี้ที่มีภาระดอกเบี้ย (Cash Rich-Zero Debt) รวมทั้งการมีลูกค้ากว่า 2 แสนราย เข้ามาใช้บริการซ้ำ ทำให้มีรายได้สม่ำเสมอ (Recurring Income) เมื่อผนวกกับแผนการขยายคลินิกเวชกรรม 6-10 สาขา/ปี ทั้งในกรุงเทพฯ หัวเมืองหลัก และหัวเมืองรอง ทำให้เห็นภาพการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ KLINIQ ในช่วง 1-3 ปีขางหน้า
นอกจากนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมและนักลงทุน VI ที่ได้เข้ามาลงทุนในช่วงก่อนหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น พร้อมใจ Lock up หุ้นทั้ง 100% เป็นเวลา 6 เดือน
KLINIQ เตรียมนำเงินที่ระดมทุนไปใช้ในการขยายสาขาคลินิกเวชกรรมราว 6-10 สาขา/ปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุนขยายคลินิกเวชกรรม และจัดซื้อเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มเติมประมาณ 950 ล้านบาท ส่วนศูนย์ศัลยกรรมจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท และพัฒนาระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของฝ่ายสนับสนุน งบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินงานได้ภายในปี 2566 และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 270 ล้านบาท
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมสายงานวาณิชธนกิจ ด้านตลาดทุน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) (DAOL) ในฐานะปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย KLINIQ กล่าวว่า มั่นใจว่า KLINIQ จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เห็นได้จากในช่วงระหว่างเปิดจองซื้อหุ้น IPO มีนักลงทุนสถาบัน นักลงทุน VI ให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ยอดจองล้นโดยมีสัดส่วนสถาบันจองเกือบ 40% แสดงให้เห็นถึงการตอบรับที่ดี เมื่อเทียบกับจำนวนหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 60,000,000 หุ้น ราคาเสนอ 24.50 บาท/หุ้น
“ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของ KLINIQ มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจเพื่อสุขภาพและความงามยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ลูกค้าของบริษัทฯ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลาย รวมถึงแผนขยายคลินิกเวชกรรม 6-10 สาขา/ปี เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงชาวต่างชาติ จะเป็นสปริงบอร์ดให้ผลการดำเนินงานของ KLINIQ ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าเติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ ในงวด 6 เดือนแรกของปี 65 ของ KLINIQ มีรายได้รวม 714.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.26% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 451.59 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.03% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 60.00 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิของปี 64 ทั้งปีอยู่ที่ 129.25 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 65)
Tags: KLINIQ, คลินิกความงาม, หุ้นไทย, อภิรุจ ทองวัฒน์, เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม