นายราวี เมนอน ผู้ว่าการธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) เปิดเผยในวันนี้ (3 พ.ย.) ว่า สิงคโปร์ยังคงต้องการเป็นศูนย์กลางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ไม่ใช่เพื่อการเก็งกำไรคริปโทเคอร์เรนซี
นายเมนอนกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานสิงคโปร์ ฟินเทค เฟสติวัล (Singapore Fintech Festival) ประจำปี 2565 ว่า “ถ้าศูนย์กลางคริปโทฯ เกี่ยวกับการทดลองด้วยเงินที่ถูกตั้งโปรแกรมได้ การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับกรณีการใช้งานต่าง ๆ หรือการแปลงสินทรัพย์ทางการเงินเป็นโทเคนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการทำธุรกรรมทางการเงิน ใช่ เราต้องการจะเป็นศูนย์กลางคริปโทฯ แต่ถ้าเกี่ยวกับการซื้อขายและการเก็งกำไรคริปโทฯ นั่นก็ไม่ใช่ศูนย์กลางคริปโทฯ แบบที่เราอยากเป็น”
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สิงคโปร์มีความทะเยอทะยานที่จะเป็นศูนย์กลางคริปโทฯ โลก แต่ได้ทำการปราบปรามอุตสาหกรรมคริปโทฯ หลังนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากสูญเสียเงินเก็บไปกับการซื้อขายคริปโทฯ โดยสิงคโปร์ได้ออกมาเตือนหลายครั้งว่า การซื้อขายคริปโทฯ “มีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะกับประชาชนทั่วไป” เนื่องจากความผันผวนและการเป็นสินทรัพย์เก็งกำไรโดยธรรมชาติ จนถึงขั้นออกสั่งห้ามโฆษณาคริปโทฯ ในที่สาธารณะและบนช่องทางโซเชียลมีเดียในเดือนม.ค. 2564 รวมถึงเสนอมาตรการใหม่เพื่อปกป้องนักลงทุนรายย่อย หลังเหรียญลูนา (Luna) ของเทอร์รา ทรุดตัวลงอย่างหนัก คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 6 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อไม่นานมานี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 65)
Tags: Cryptocurrency, MAS, คริปโทเคอร์เรนซี, บล็อคเชน, ราวี เมนอน, สิงคโปร์, สินทรัพย์ดิจิทัล, แบงก์ชาติสิงคโปร์