นายจางเผิง จ้าว ซีอีโอของบริษัทไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดในโลกกล่าวว่า เขาสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกทางคำพูด และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ไบแนนซ์ตัดสินใจลงทุนเป็นมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนนายอีลอน มัสก์ในการซื้อบริษัททวิตเตอร์
“มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ผมลงทุนในทวิตเตอร์ เหตุผลอันดับหนึ่งก็คือเราต้องการสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกทางคำพูด และเราเล็งเห็นว่า ทวิตเตอร์เป็นแพลตฟอร์มที่จะสร้างเสรีภาพในการพูดนั่นคือเหตุผลอันดับหนึ่ง” นายจ้าวซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบการใช้ทวิตเตอร์และมีผู้ติดตามมากกว่า 7 ล้านคนกล่าวในพิธีเปิดการประชุม Web Summit ที่เมืองลิสบอนของโปรตุเกส ซึ่งนับเป็นการประชุมทางเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป
นายมัสก์ได้เสร็จสิ้นการเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์ในวงเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 ต.ค. หลังจากที่เผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงข้อกฎหมายและการโต้แย้งสาธารณะเป็นเวลานานถึง 6 เดือน โดยจำนวนเงินดังกล่าวนั้น ส่วนใหญ่ได้จากการระดมทุนจากนักลงทุนรายใหญ่เช่น สึโคยา แคปิตัล (Sequoia Capital), ฟิเดลิตี แมเนจเมนต์ (Fidelity Management), อันดรีสเซน โฮโรวิตซ์ (Andreessen Horowitz) และบรูคฟิลด์ (Brookfield)
ไบแนนซ์เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ทางบริษัทกำลังสร้างทีมงานเพื่อดูว่าจะใช้บล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซีให้เป็นประโยชน์กับทวิตเตอร์ได้อย่างไร โดยในเรื่องนี้ นายจ้าวกล่าวว่า “ผมเป็นผู้ใช้งานทวิตเตอร์ตัวยง และผมต้องการจะลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมของเรา”
ล่าสุดในวันอังคาร (1 พ.ย.) นายมัสก์กล่าวว่า เขาจะเรียกเก็บเงินจำนวน 8 ดอลลาร์/เดือนเป็นค่าบริการยืนยันตัวตน (Verification process) ของผู้ใช้งานทวิตเตอร์ ขณะที่นายจ้าวกล่าวว่าเขาสนับสนุนความคิดนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามนายจ้าวว่า นายมัสก์มีไอเดียอะไรใหม่ ๆ เกี่ยวกับทวิตเตอร์อีกหรือไม่ นายจ้าวกล่าวว่า “อีลอน มัสก์ เป็นคนประเภทที่ยากจะคาดเดา”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ย. 65)
Tags: Binance, Cryptocurrency, คริปโทเคอร์เรนซี, จางเผิง จ้าว, ทวิตเตอร์, อีลอน มัสก์, ไบแนนซ์