นายธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เชียงใหม่ริมดอย (CRD) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า ทิศทางผลประกอบการในปี 66 จะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้ได้ค่อนข้างดี หรือมีรายได้กลับมาอยู่เหนือระดับ 1,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากงานโครงการก่อสร้างต่างๆที่เริ่มกลับมามากขึ้น อาทิเช่น โครงการรีสอร์ท, โรงแรม, คอนโดมิเนียม และงานอาคารสูงต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และประเทศไทยยังดำเนินการเปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยว ส่งผลให้กิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนการเข้าประมูลงานโครงการราชการเพิ่มมากขึ้น ทั้ง งานระบบท่อ งานน้ำเสีย รวมไปถึงงานอาคาร เป็นต้น โดยคาดหวังว่าโครงการจะเริ่มออกมามากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 65 นี้ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทตุนงานรับเหมาก่อสร้างในมือ (Backlog) กว่า 600 ล้านบาท ที่จะสามารถรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทได้ยื่นประมูลโครงการราชการขนาดใหญ่ จำนวน 1 โครงการ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ สำหรับงานในต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการติดตามงานโครงการก่อสร้างสถานฑูตไทยใน สปป.ลาว ที่คาดหวังว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ในปี 66 นอกจากนี้ยังมีการพูดคุยกับผู้ประกอบการไทยที่ได้เข้าไปลงทุนนิคมอุตสาหกรรมใน สปป.ลาว เพื่อที่จะรับงานก่อสร้างอาคารต่างๆเพิ่มเติมด้วย
พร้อมกันนี้บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีจากสัญญางานเก็บขนขยะมูลฝอย ทั้ง 4 โครงการ รวมมูลค่างานในมือ (Backlog) กว่า 1,200 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องใน 5 ปี ต่อจากนี้ เฉลี่ย 200-300 ล้านบาท/ปี คือ โครงการเก็บขนขยะมูลฝอย เทศบาลนครลำปาง, งานกำจัดขยะมูลฝอย เทศบาลนครลำปาง , โครงการขนขยะมูลฝอยเทศบาลนครปากเกร็ด และโครงการเก็บขนขยะมูลฝอย เทศบาลนครเชียงใหม่
ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีการพูดคุยอยู่ในเทศบาลอยู่ 2-3 จังหวัด เพื่อที่จะให้บริการขนส่งและกำจัดขยะมูลฝอย โดยคาดว่าจะทยอยเห็นความชัดเจนภายในปี 66 อย่างน้อย 1 เทศบาล ซึ่งรายได้ในกลุ่มนี้ถือว่าเป็นรายได้ประจำ (Recurring income) ที่สามารถสร้างความเข้มแข็งให้แก่บริษัทมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่มีเพียงการรับรู้รายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างเท่านั้น
นายธีรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อลงทุนเพื่อพัฒนาที่ดินของบริษัทที่มีอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ 7-8 แปลง โดยมองทั้งการลงทุนเอง และ การร่วมลงทุน (JV) ร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ เบื้องต้นมองเป็นการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โรงแรม และ Wellness and spa เป็นต้น โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 66
สำหรับทิศทางผลประกอบการในปี 65 ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 การคำนวนต้นทุนในบางโครงการ ความล่าช้าของการก่อสร้าง และ ราคาวัตถุดิบที่ก่อสร้าง รวมถึงค่าแรงที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมองว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
“เรามองว่าผลประกอบการของเราได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 65 นี้ ก่อนที่ผลประกอบการจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 66 จากงานก่อสร้างที่ออกมามากขึ้น การรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีของงานบริการขนส่งและกำจัดขยะมูลฝอย ซึ่งในส่วนนี้ไม่ได้มีผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ นอกจากนี้เรายังมีแผนการที่จะพัฒนาที่ดินในมือเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอีกด้วย ซึ่งผมตั้งใจและอยากให้นักลงทุนลองศึกษาข้อมูลของบริษัทเราให้ดี”นายธีรพัฒน์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 65)
Tags: CRD, ธีรพัฒน์ จิรพิพัฒน์, หุ้นไทย, เชียงใหม่ริมดอย