บล.พาย ให้กรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,595-1,625 จุดจับตาประชุมเฟด-เงินเฟ้อไทย

บล.พาย คาดสัปดาห์นี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะเคลื่อนไหวกรอบ 1,595-1,625 จุด โดยตลาดจะให้น้ำหนักไปที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 3 พ.ย.ทราบผลอย่างเป็นทางการในช่วงวันพฤหัสบดีช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทย เบื้องต้นข้อมูลจาก CME FED Watch ระบุว่าให้น้ำหนักที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ด้วยน้ำหนัก 81.3% ส่วนอีก 18.7% ให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50% ดังนั้นหากเฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% คงไม่มีผลมากนักต่อการลงทุน เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตลาดคาดหมายไว้อยู่แล้ว แต่หากปรับขึ้นเพียง 0.50% จะสร้างแรงหนุนเชิงบวกต่อหุ้น

ทั้งนี้ แนะติดตามถ้อยแถลงของที่ประชุมเฟด หากเริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายต่อเนื่องก็มองว่าจะยิ่งเป็นบวกกับตลาดหุ้นมากขึ้น ซึ่งตลาดเริ่มคาดหวังว่าจะเห็นการประชุมเฟดเดือน ธ.ค.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% แต่หากยังส่งสัญญาณเชิงเข้มงวดก็มองถึงโอกาสปรับฐานของตลาดเนื่องจากปัจจุบันตลาดกำลังคาดหวังให้เฟดดำเนินนโยบายผ่อนคลาย

ส่วนปัจจัยอื่นๆ ในสัปดาห์ วันอังคารเน้นที่ดัชนีภาคการผลิต Bloomberg คาดที่ 50 และในวันเดียวจะมีการประกาศตำแหน่งเปิดรับสมัครงานในสหรัฐ Bloomberg คาดที่ 50, วันศุกร์กับภาคแรงงานสหรัฐฯ Bloomberg คาดการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯที่ 2 แสนตำแหน่งและอัตราการว่างงานที่ 3.6% ตัวเลขที่จะเป็นบวกคือต่ำกว่าตลาดคาดการณ์

ด้านปัจจัยภายในประเทศ จะเน้นที่เงินเฟ้อประจำเดือน ต.ค. Bloomberg คาดที่ 6%YoY 0.3%MoM หากต่ำกว่าที่คาดหมายไว้ก็จะยิ่งเป็นบวกกับตลาดหุ้น และเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าหนุน Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง, ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 3/65

กลยุทธ์การลงทุนยังมองบวกกับตลาดหุ้น เนื่องจากก่อนเลือกตั้งตลาดมักให้ผลตอบแทนที่ดีทั้งสหรัฐและไทย ซึ่งทั้ง 2 ประเทศกำลังจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น, สถิติในช่วงไตรมาส 4 ตลาดหุ้นมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกมากกว่าเป็นลบจึงยังเน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB TTB TISCO) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC) อสังหาฯ (AP LH SPALI)

BGRIM (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 42.00 บาท) คาดผลประกอบการในครึ่งปีหลัง จะได้ประโยชน์จากค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น คาดว่า กกพ. จะปรับเพิ่มค่า Ft ขึ้นอีก 0.6866 บาท/kWh เป็น 0.9343 บาท/kWh สำหรับช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค.65 เพื่อชดเชยราคาก๊าซที่พุ่งสูงขึ้น

LH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 11.20 บาท) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 อยู่ที่ 1.96 พันล้านบาท (+50%YoY, -8.6% QoQ) การเติบโต YoY ได้แรงขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้จากยอดขายอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นเป็น 7.8 พันล้านบาท (+19%YoY) หนุนจากโครงการเดอะ คีย์ พระราม 3 และส่วนแบ่งกำไรสูงขึ้นเป็น 716 ล้านบาท (+54%YoY) รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ 31.5% (+1.1 ppts YoY) ส่วนที่ลดลง QoQ เป็นเพราะการรับรู้รายได้ยอดขายอสังหาฯ ที่ลดลงเป็น 7.8 พันล้านบาท (-7%QoQ) และ GPM ที่ลดลงเป็น 31.5% (-0.5ppt)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top