ใกล้สิ้นปีเข้าไปทุกที นักลงทุนต่างจับจ้องว่าทิศทางตลาดช่วงท้ายปีจะเป็นอย่างไร และก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงสิ้นปีอย่างเต็มรูปแบบตลาดคริปโทฯ จะต้องผ่านด่านสำคัญ นั่นคือ “Halloween Effect” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าช่วงสิ้นเดือน ต.ค. คาบิทคอยน์มักจะปรับตัวพุ่งขึ้นแรง ดังเช่น Halloween ปี 2021 ที่ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้นกว่า 344% เมื่อเทียบกับวัน Halloween ปี 2020
ใกล้สิ้นเดือน ต.ค.แล้วก็เทศกาลวันฮาโลวีนเข้าไปทุกที หากเรามาดูราคาบิทคอยน์ย้อนหลังกัน จะพบว่า 3 ปีย้อนหลังราคา Bitcoin มีการปรับตัวพุ่งขึ้นแรงในช่วงฮาโลวีน และในช่วงนี้ราคา Bitcoin ทรงตัวอยู่ที่ 20,000 ดอลลาร์ หลายสำนักก็คาดการณ์ราคาบิทคอยน์ในช่วงวันฮาโลวีนปีนี้ไว้ที่ 21,348 ดอลลาร์ ถือว่าสูงกว่าราคาปัจจุบันอยู่พอสมควร
แต่ถ้าดูราคาบิทคอยน์วันฮาโลวีนปี 2021 จะอยู่ที่ 61,300 ดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 344.39% เมื่อเทียบกับราคาบิทคอยน์ วันฮาโลวีน 2020 ที่ 13,794 ดอลลาร์
การที่ราคาบิทคอยน์มีการปรับตัวช่วงฮาโลวีน หรือสิ้นเดือน ต.ค.ทำให้สายมูมองว่าช่วงนี้ราคาบิทคอยน์พุ่งตลอดจนเป็นที่มาที่เรียกกันว่า “Halloween Effect” แต่ก็มีบางกลุ่มที่มองว่าสิ้นเดือน ต.ค.เป็นช่วงที่ทิศทางตลาดสิ้นปีเริ่มชัดเจนแล้วราคาคริปโทฯ ช่วงสิ้นปีอย่างที่รู้ ๆ กันว่าพุ่งขึ้นเป็นแท่งเขียว 3 เมตร 8 เมตรกันไปเลย
บิทคอยน์ วันฮาโลวีนจะพุ่งตามสถิติจริงหรือไม่ สายมูจะสู้สายเทคนิคได้หรือไม่ ต้องติดตาม
หากกล่าวถึง Exchange ระดับโลก แน่นอนว่าต้องมีชื่อ Binance ติดอันดับแน่นอน และเนื่องในโอกาสครบรอบปีที่ 5 ทาง Binance ก็ได้เปิดตัวแคมเปญ “เทรดคู่ BTC ฟรีค่าธรรมเนียม” นั่นก็คือ การเทรด “SPOT” หรือ “SPOT Trading” เหรียญ BTC ที่จับคู่กับเหรียญใดก็ตามทั้งหมด 13 คู่เทรด ไม่ว่าจะเป็น คู่ BTC/USDT หรือ BTC/BUSD หรือ BTC/EUR จะฟรีค่าธรรมเนียมการเทรด ซึ่งแคมเปญนี้จะมีผลยิงยาวจนกว่าจะมีการประกาศอีกครั้งหนึ่ง
Volume ของ SPOT Trading ใน Coinmarketcap 24 ชั่วโมงล่าสุด พบว่า Binance อยู่อันดับ 1 ด้วย Volume Trade กว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่อันดับ 2 คือ FTX ที่มี Volume trade อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านดอลลาร์ หากเทียบกันแล้ว อันดับที่ 2 มี Volume การเทรด เพียงแค่ 1 ใน 10 ของอันดับที่ 1 เท่านั้น
และหากเราเทียบ Volumn Trade รายเดือนย้อนหลัง จะพบว่า Binance เป็นเจ้าตลาดที่แท้ทรู เพราะว่าเก็บ market share ไปกว่า 82% เลยทีเดียว เวลาที่นักลงทุนเลือกเทรดก็มักจะเลือกกระดานที่มีความน่าเชื่อถือ แต่รายใหญ่เล่นเก็บ market share ไปเกือบหมดขนาดนี้ แล้วรายย่อยจะทำอย่างไร
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง Apple ได้มีการปรับปรุงนโยบายของ App Store เกี่ยวกับ NFT โดยได้ทำการอัปเดตนโยบาย ห้ามไม่ให้แอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับ NFT เสนอการเข้าถึง หรือปุ่มกดที่จะเชื่อมต่อไปแพลตฟอร์มภายนอก หรือนำผู้ใช้งานไปยังกลไกการซื้ออื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยง Apple Tax ต้องกดซื้อภายในแอพ (In-App Purchase) เท่านั้น
ปกติเวลาเราใช้งานกดซื้อ NFT ผ่าน iPhone หรืออุปกรณ์อื่นของ Apple เราก็มักจะซื้อผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านั้นก็จะเชื่อมต่อไปยังแพลตฟอร์มภายนอกอีกที ซึ่งตรงนี้ก็ทำให้ Apple สูญเสียรายได้เป็นจำนวนมหาศาล ทาง Apple เลยเดินหน้าโดยการประกาศเก็บค่าธรรมเนียม 30% (Apple Tax) นับว่าสูงมาก นโยบายนี้ส่งผลกระทบต่อเหล่า Developer โดยตรงจนอาจนำไปถึงการล้มเลิกความตั้งใจที่จะเดินหน้าในอุตสาหกรรม NFT หลังเจอเหตุการณ์เช่นนี้
ทั้งนี้ บริการการซื้อขาย NFT ในแอปพลิเคชัน ของ Apple ไม่รองรับการชำระเงินด้วย Crypto ดังนั้น การที่ผู้คนจะสามารถใช้ Crypto เพื่อซื้อ NFT ใน App Store จึงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งการอัปเดตนโยบายดังกล่าว ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ Apple ได้กำหนดกฎเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติอย่างเป็นทางการสำหรับ NFT ใน App Store
อย่างไรก็ตาม การอัพเดตนโยบายดังกล่าวไม่ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายพื้นฐานของ Apple ที่มีอยู่เดิม ทาง Apple ยังคงอนุญาตให้มีการซื้อขาย Crypto ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ให้บริการ เช่น Coinbase และ FTX โดยไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 30% และยังคงสามารถใช้ In-App Purchase ที่เกี่ยวข้องกับ NFT เช่น การ mint , การลิสต์ และการโอน ได้ แต่ไม่อนุญาตให้ใช้ NFT เพื่อปลดล็อก “คุณสมบัติหรือฟังก์ชัน” เพิ่มเติม ซึ่งการละเมิดนโยบายดังกล่าวอาจส่งผลให้มีการปฏิเสธหรือนำแอปพลิเคชัน ออกจาก App Store
แล้วทั้งหมดนี้คือ Crypto SHOT ข่าวสารวงการคริปโทฯ ที่ใครก็อยากรู้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 65)
Tags: App Store, Apple, Apple Tax, Binance, bitcoin, Cryptocurrency, Halloween Effect, NFT, คริปโทเคอร์เรนซี, บิทคอยน์, ฮาโลวีน