นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายไดปี 66 เติบโตต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้โครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) เฟส 1 ที่เวียดนาม คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในครึ่งแรกของปีหน้า
รวมถึงการเติบโตของ 3 ธุรกิจใหม่ ได้แก่
1. ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ซึ่งเอสซีจี มีเป้าหมายมุ่งลดต้นทุน โดยใช้พลังงานชีวมวล (Biomass) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะ (Refused Derived Fuel : RDF) ทดแทนพลังงานฟอสซิล
อีกทั้งบริษัทจะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนให้มากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 34% จากสัดส่วนการใช้พลังงานทั้งหมดในการผลิต โดยตั้งเป้าภายในสิ้นปี 65 จะผลักดันให้เป็น 50% และมีแผนขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดทั้งในโรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งแบบโซลาร์ฟาร์มและแบบลอยน้ำ ด้วยการเข้าประมูลข้อตกลงการซื้อขายไฟฟ้ากับภาครัฐ (PPA) ซึ่งจะมีขนาดกำลังการผลิตตั้งแต่ 100-200 เมกะวัตต์
ล่าสุด บมจ.เอสซีจี เคมิคอล (SCGC) ยังร่วมลงทุนกับบริษัท Denka ประเทศญี่ปุ่น ผลิตอะเซทิลีนแบล็ค (Acelylene Black) ใช้เป็นส่วนประกอบในแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์ไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และใช้เป็นวัสดุสำหรับผลิตสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง โดย SCGC ถือหุ้นในสัดส่วน 40%
2. ธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรรายใหญ่ในอาเซียน (ASEAN Logistics) จากการควบรวมธุรกิจโลจิสติกส์กับ บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรรายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยบริการที่หลากหลายทั้งบริการคลังสินค้า ระบบห้องเย็น บริการขนส่งสินค้าทั้งทางบก เรือ อากาศ บริการท่าเทียบเรือ และบริการนำเข้า-ส่งออกครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ
3. ธุรกิจ Smart Living ยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวก คุ้มค่า ปลอดภัย รักษ์โลก ได้แก่ นวัตกรรมอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพอากาศและประหยัดพลังงาน อาทิ
– SCG Active AIR Quality SCG Bi-ion และ SCG HVAC Air Scrubber โซลูซันจัดการคุณภาพอากาศ กำจัดเชื้อโรค และลดการใช้พลังงานในอาคาร ขณะนี้ได้ติดตั้งแล้วที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โรงพยาบาล อาทิ ศิริราช ราชวิถี ราชพิพัฒน์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ห้างสรรพสินค้า อาทิ เทอร์มินอล 21 พัทยาเซ็นทรัล อยุธยา อาคารสำนักงาน อาทิ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ Kioud by Kbank อาคารอับดุลราฮิม โซน lobby และสถาบันการศึกษา อาทิ วชิราวุธวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์ดอมินิก โรงเรียนอำนวยศิลป์
– Trinity IOT Ecosystem เทคโนโลยีควบคุมการเปิด-ปิดนวัตกรรมในบ้านอัจฉริยะ
– Wellness Home Hub เทคนโลยีวัดค่าสุขภาพของผู้อาศัยในบ้าน หากเกิดเหตุกเฉินจะแจ้งเตือนไปยังโรงพยาบาลได้ทันที
นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จากการขายจะเติบโตตามเป้า 10% โดย 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้ฯ แล้วที่ 447,419 ล้านบาท เติบโต 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 4/65 คาดรายได้คงปรับลงเล็กน้อย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาพลังงานที่มีความผันผวน และภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย แต่บริษัทยังคงจะเดินหน้าปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งเน้นคงความสามารถในการทำกำไร
ส่วนงบลงทุนในปีนี้ได้มีการปรับลดลงมาแล้วที่ 5.5 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 8 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการเลื่อนแผนซื้อกิจการไปในปีหน้า หรือปีถัดๆ ไปแทน แต่การลงทุนในโครงการเน้นการลดต้นทุนยังคงเดินหน้าต่อ
ด้านความคืบหน้าการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำหุ้นของ บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 66 โดยจะพิจารณาจากภาวะตลาดที่มีความเหมาะสม หรือรอจังหวะให้เงินทุนต่างชาติไหลกลับมาก่อน จากปัจจุบันที่ยังไหลออกต่อเนื่องจากผลกระทบการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 65)
Tags: SCC, ปูนซีเมนต์ไทย, รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส, หุ้นไทย