สมช.ถก 7 แนวทางดับไฟใต้-ความพร้อมรับประชุมผู้นำเอเปค-แผนความมั่นคงปี 66

พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เผยผลประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2565 ว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการยกระดับการจัดระเบียบชายแดนเพื่อความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อเสริมศักยภาพพื้นที่ชุมชน และระบบบริหารจัดการชายแดน ซึ่งครอบคลุมเรื่องการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานในการป้องกันพื้นที่ชายแดน การเสริมสร้างเอกภาพในการบูรณาการระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การพัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูล การเพิ่มความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นนอกภาครัฐ โดยให้หน่วยงานของรัฐและภาคีเครือข่าย ได้ประสานการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาชายแดน

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้หารือแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีการเสนอความเห็นเชิงนโยบายในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ใน 7 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.แนวทางการป้องกันเหตุความรุนแรง 2.การปรับแนวทางการพูดคุยเพื่อสันติสุขที่ต้องสอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป 3.การเสริมสร้างความร่วมมือกับต่างประเทศที่ต้องใกล้ชิดและต่อเนื่อง 4.การบริหารจัดการงานการศึกษาในพื้นที่ต้องเหมาะสมกับบริบทพื้นที่ และการส่งเสริมเยาวชนให้อยู่ร่วมกันในความหลากหลายทางวัฒนธรรม

5.การบริหารจัดการพื้นที่ที่ต้องเสริมความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยเน้นความต้องการของประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเฉพาะงานด้านการพัฒนา ที่ต้องใช้กลไกสภาสันติสุขตำบลเป็นหลัก เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง 6.การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการภาครัฐ ที่ต้องมีการบูรณาการร่วมกันกับทุกภาคส่วน โดยเน้นให้มีการทำงานร่วมกับจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพิ่มขึ้น และ 7.การเพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องมีความเข้าใจแนวนโยบายของรัฐ และเน้นย้ำให้การปฏิบัติงานต้องไม่สร้างเงื่อนไขใหม่อีก

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาความปลอดภัย ในช่วงการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation) หรือเอเปค โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้เตรียมการรักษาความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกการจราจร ตลอดจนความพร้อมในด้านกฎหมายรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานเกิดความมั่นใจในการดำเนินการมากยิ่งขึ้น

เลขาธิการ สมช. กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแผนการสนับสนุนการศึกษาของนักเรียนและนักศึกษาไทยมุสลิมที่ศึกษาต่อในต่างประเทศ (พ.ศ.2566-2570) ให้ความสำคัญกับการพัฒนานักศึกษาไทยมุสลิมที่เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญให้สำเร็จการศึกษาในสาขาที่มีคุณภาพ มีภูมิคุ้มกันทางความคิด มีความเข้าใจ และร่วมสนับสนุนบรรยากาศอยู่ร่วมกันภายใต้ความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมกลับมาเป็นกำลังสำคัญ และมีศักยภาพที่จะพัฒนาพื้นที่และประเทศ

รวมทั้งเห็นชอบร่างแผนความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ.2566-2570) เพื่อเป็นกรอบทิศทางในการจัดทำแผนงานและโครงการด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความมั่นคงทางทะเลแบบองค์รวม เพื่อให้สามารถรับมือและจัดการภัยคุกคามทางทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พล.อ.สุพจน์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม สมช. ยังได้รับทราบแนวโน้มสถานการณ์ความมั่นคงและความเสี่ยงภัยคุกคามในปี 2566 โดยให้มีการเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมในการจัดการภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงที สำหรับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่สำคัญ อาทิ สถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน โดยไทยยึดมั่นการเคารพในหลักการแห่งอำนาจอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน รวมทั้งสนับสนุนให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามในการเจรจาแก้ไขสถานการณ์โดยสันติวิธี สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ

ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา ที่ประชุมได้เน้นย้ำการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และดำเนินการตามคู่มือขั้นตอน การปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐาน (SOP) อย่างเคร่งครัด และการจัดทำแผนระดับที่ 3 รองรับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ (พ.ศ.2566-2570) เพื่อถ่ายทอดนโยบายฯ ไปสู่การปฏิบัติผ่านแผนงานหรือโครงการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 65)

Tags: , , , , , ,
Back to Top