รัฐบาลเตรียมลงนามแผนปฏิบัติการร่วมหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ไทย-ออสเตรเลีย 1 พ.ย.นี้

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย ค.ศ. 2022-2025 (Joint Plan of Action to Implement the Thailand-Australia Strategic Partnership 2022-2025) โดยร่างแผนปฏิบัติการฉบับนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรีทั้ง 2 ประเทศ ได้ลงนามในปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์

สาระสำคัญของร่างแผนปฏิบัติการฉบับนี้ เป็นแผนงานในการขับเคลื่อนความร่วมมือในทุกมิติระหว่างไทยและออสเตรเลีย มีระยะเวลา 4 ปี (พ.ศ. 2565 – 2568) ขับเคลื่อนผ่านกิจกรรมและโครงการต่างๆ ในฐานะหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ครอบคลุมความร่วมมือรอบด้าน ได้แก่

  1. ด้านการเมือง การทหาร และความมั่นคงรูปแบบใหม่ รวมถึงการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด และการค้ามนุษย์
  2. ด้านเศรษฐกิจ รวมถึงสาขาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล
  3. ความร่วมมือรายสาขา อาทิ สาธารณสุข เกษตร การศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการวิจัย พลังงาน สิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการภัยพิบัติ
  4. ความเชื่อมโยงระดับประชาชน
  5. ความร่วมมือระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาค

โดยปฏิญญาฯ ดังกล่าว ได้กำหนดให้กระทรวงการต่างประเทศของทั้ง 2 ฝ่าย จัดทำร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกัน

ทั้งนี้ จะมีการลงนามร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ ในระหว่างการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ น.ส.เพนนี หว่อง รมว.ต่างประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2565 เพื่อหารือทวิภาคีกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ และเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

“วันที่ 19 ธันวาคม 2565 จะครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ออสเตรเลีย 70 ปี ซึ่งร่างแผนปฏิบัติการฉบับนี้ ถือเป็นการยืนยันถึงความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยและออสเตรเลีย รวมถึงเป็นแผนงานในการขับเคลื่อนความร่วมมือของทั้งสองประเทศในทุกมิติและสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และหลังการระบาดของโรคโควิด-19” รองโฆษกรัฐบาล กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top