พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมว่า ขณะนี้มีความคืบหน้า โดยได้นำสถานการณ์และแผนการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในปี 54 มาทบทวน และได้เร่งรัดให้มีการจ่ายเงินเยียวยาในส่วนที่สามารถทำได้เร็วที่สุด เพราะเข้าใจว่ามีผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก ส่วนเรื่องใดที่ต้องดูแลเพิ่มเติมเป็นพิเศษนั้น กระทรวงมหาดไทยจะได้ดำเนินการต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในปีนี้ มีความแตกต่างจากอดีต เพราะเป็นน้ำท่วมที่เกิดเป็นวงกว้าง เนื่องจากเจอทั้งพายุโนรูและร่องความกดอากาศ ทำให้มีปริมาณฝนที่มากเกินกว่าที่จะรองรับได้ เพราะฉะนั้นการระบายน้ำในช่องทางปกติ จึงมีปัญหาให้น้ำท่วมและเอ่อข้ามฝั่งกระจายไปทั่วพื้นที่ แต่เมื่อระบบระบายน้ำเข้าสู่สภาวะปกติ ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักลดลง ก็ทำให้น้ำที่เอ่อท่วมในขณะนี้ระบายออกได้ตามปกติ แต่หากพื้นที่ไหนยังไม่สามารถระบายได้ ให้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติม
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การบริหารจัดการน้ำมีการวางแผนรองรับ ซึ่งหากปริมาณน้ำฝนอยู่ในภาวะปกติ ก็สามารถระบายน้ำได้ แต่เนื่องจากน้ำฝนที่สะสมทางเหนือได้เริ่มระบายมา ซึ่งได้ทำการพร่องน้ำเตรียมไว้แล้ว แต่ปริมาณน้ำฝนในปีนี้มีมาก 2-3 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับปี 54 รัฐบาลจึงพยายามบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มที่ เพราะเห็นใจผู้ที่เดือดร้อน โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำ และริมฝั่งคลอง ที่ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน โดยจะมีการเตรียมแผนในระยะยาวต่อไป
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม โดยขอให้เร่งระบายน้ำอย่างเร่งด่วน ในการดูแลและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม โดยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รายงานในที่ประชุมครม.ถึงภาพรวมของการช่วยเหลือในปัจจุบัน มีการช่วยเหลือไปแล้ว 79 ล้านบาท โดยเป็นวงเงินทดรองราชการในอำนาจของอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและการสนับสนุนการดำเนินงานในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในแต่ละเขตของพื้นที่อุทกภัย รวมถึงมีการป้องกันยับยั้ง เป็นวงเงินใน 8 จังหวัด และเป็นวงเงินเชิงบรรเทาความเดือดร้อนอีก 12 จังหวัด จำนวน 79 ล้านบาท
สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนไปแล้ว 181 ล้านบาท ซึ่งเป็นการช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นในทันทีเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้ากรณีจำเป็นเร่งด่วน โดยใช้เงินสะสมของอปท.เพื่อช่วยเหลือตามความจำเป็น และเหมาะสม ทั้งนี้ ในส่วนของสำนักงบประมาณได้ตั้งงบประมาณสำหรับช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในส่วนของงบกลางอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ในส่วนของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้มีการช่วยเหลือผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย โดยมีเรื่องของค่าจัดการศพ ,เงินทุนเลี้ยงชีพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต, เงินทุนเลี้ยงชีพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตและมีบุตรอายุไม่เกิน 25 ปี,ค่าวัสดุการก่อสร้างในการซ่อมแซมบ้านเรือนบางส่วน,ค่าอุปโภคเครื่องใช้อื่นๆที่จำเป็นในครอบครัว และมีการจัดทำถุงยังชีพตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.-21 ต.ค.นี้ จำนวน 92,300 ถุง ใน 13 จังหวัด เป็นเงิน 65 ล้านบาท
สถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.-24 ต.ค.2565 มีจำนวน 59 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ และมีครัวเรือนได้รับผลกระทบ 528,000 ครัวเรือน ซึ่งในปัจจุบันยังมีสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมขังหรือน้ำล้นตลิ่งอยู่ 26 จังหวัดและมีครัวเรือนได้รับผลกระทบ 435,700 กว่าครัวเรือน
นายอนุชา กล่าวว่า นายกฯ สั่งการให้กระทรวงต่างๆ และกระทรวงมหาดไทยไปหาแนวคิดในการช่วยเหลือเพื่อให้ประชาชนได้รับการเยียวยา โดยได้นำแนวทางการเยียวยาในปี 54 ครอบครัวละ 5,000 บาท และปี 59 ครัวเรือนละ 3,000 บาท มาเป็นแนวทางในการพิจารณาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นายกฯ ย้ำว่าขอให้เร่งดำเนินการจัดทำ โดยอาจจะไม่ต้องรอให้น้ำลดแล้วค่อยพิจารณาดูแลอาจจะมีการพิจารณา โดยเร็วภายในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ประชาชนมีความสบายใจว่ารัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องในการเยียวยา นอกจากนี้ ผู้ที่ยังติดค้างอยู่ในบ้านหากมีความจำเป็นเหตุเป็นที่จะต้องให้การช่วยเหลือ รวมถึงผู้ป่วยติดเตียง ให้อุปกรณ์เทคโนโลยีที่จำเป็นเพื่อช่วยเหลืออย่างทั่วถึง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ต.ค. 65)
Tags: น้ำท่วม, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ผู้ประสบภัย, มาตรการช่วยเหลือ, ระบายน้ำ, อุทกภัย