หุ้น PCC เปิดเทรดวันแรกที่ 4.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท (+0.5%) จากราคาขาย IPO ที่ 4.00 บาท/หุ้น
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์หุ้น บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) ว่า ประเมิน Fair value สิ้นปี 65 ที่ 4.8 บาท โดยความน่าสนใจในการลงทุน PCC คือ
1. ธุรกิจการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าแบบครบวงจร ที่เติบโตพร้อมกับแผนการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศอิงตามแผน PDP 2018 Rev 1
2. และมีธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายไฟฟ้าแรงสูง พร้อมผลิตติดตั้งระบบควบคุมสำหรับระบบไฟฟ้าอัจฉริยะและผลิตมิเตอร์อัจฉริยะ (Intelligent Grid) โดยการเติบโตในปี 2565 – 2566 มาจากการที่ EGAT มีงานก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 23 โครงการ รวมถึง PEA, MEA มีแผนที่จะปรับปรุงระบบสายไฟฟ้าให้สามารถรองรับการจ่ายไฟฟ้าที่ซับซ้อน และการนำสายไฟฟ้าลงดิน
3. นอกจากนี้บริษัทมีโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาไบโอแมส และโรงไฟฟ้าชีวมวลสงขลาไบโอเพาเวอร์ มีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ร้อยละ 40 และ 76 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญาซื้อขายที่ 18.2 เมกะวัตต์ (11.5 เมกะวัตต์คิดตามอัตราส่วนการถือหุ้น)
ประเมินแนวโน้มผลประกอบการในปี 65-66 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 343 ล้านบาทและ 393 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิร้อยละ 69 และ 15 ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้า (PEM) ตลอดจนการเปลี่ยนเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตให้เป็นเครื่องจักรอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพสูง เช่นเดียวกันกับการเพิ่มกำลังการผลิตของตัวถังหม้อแปลงไฟฟ้า (PMW) จากกำลังการผลิต 2,000 ถังต่อปี เป็น 7,500 ถังต่อปี รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตตู้โลหะสำหรับตู้สวิตช์เกียร์ และตู้สวิตช์บอร์ด อุปกรณ์ควบคุม จากกำลังการผลิต 2,000 ตู้ต่อปีเป็น 3,200 ตู้ต่อปีและมีแผนที่จะขยายโรงงานผลิตไปยังกัมพูชาซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ได้ในต้นปี 2566 รวมถึงการทำธุรกิจปลูกกัญชงในระบบปิดที่คาดว่าจะรับรู้รายได้เชิงพานิชย์ภายในปี 65
PCC ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจ ออกแบบและผลิตอุปกรณ์ ออกแบบระบบวิศวกรรมและรับเหมาก่อสร้าง ให้บริการ และลงทุนในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid) ซึ่งครอบคลุมในทุกขั้นตอนตั้งแต่ระบบผลิต ระบบส่ง และระบบจำหน่ายไฟฟ้า ตั้งแต่โรงไฟฟ้าจนถึงผู้ใช้ไฟฟ้า และธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ
บริษัทฯจะมีทุนจดทะเบียน 1,227 ล้านบาท เป็นทุนที่ชำระแล้ว 920 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้ โดยหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้มีจำนวน 307 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตรา ไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 25.03 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อ 1) เป็นเงินทุนสำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการในอนาคต 2) ใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการดำเนินงาน และวัตถุประสงค์ทั่วไป 3) การชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 65)
Tags: IPO, PCC, บล.ทรีนีตี้, พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น, หุ้นไทย