In Focus: จีนเปิดฉากประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์วันอาทิตย์นี้ พร้อมต่ออำนาจให้ “สี จิ้นผิง”

ภาพ: รอยเตอร์

การประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งจัดขึ้นทุก 5 ปีนั้น จะเปิดฉากขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 16 ต.ค.นี้ โดยการประชุมซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญที่สุดของจีนและเป็นที่จับตาจากทั่วโลกนี้ จะจัดขึ้นต่อเนื่องนานนับสัปดาห์

และในโอกาสเดียวกันนี้ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง วัย 69 ปี จะเข้าใกล้การได้กุมอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 3 และถือเป็นการท้าทายธรรมเนียมปฏิบัติดั้งเดิมที่บัญญัติให้ประธานาธิบดีแต่ละคนสามารถรั้งตำแหน่งผู้นำแดนมังกรได้เพียง 2 สมัย รวมทั้งสิ้น 10 ปี

หากปธน.สีได้กุมอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 3 ก็จะทำให้ชายผู้นี้เป็นผู้นำจีนที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดนับตั้งแต่สมัยเหมา เจ๋อตง เมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว

นอกจากนี้ ทั่วโลกต่างจับตาว่าปธน.สีจะส่งสัญญาณผ่อนปรนการใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์หรือไม่ โดยแม้กลยุทธ์ดังกล่าวช่วยจำกัดจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดให้อยู่ในระดับต่ำ แต่ก็จุดชนวนความไม่พอใจให้กับประชาชน และส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงอย่างมาก

อย่างที่เกริ่นมาแล้วว่า การประชุมดังกล่าวมีความสำคัญและได้รับความสนใจจากทั้งสื่อจีนเองและสื่อต่างประเทศ In Focus จึงไม่พลาดที่จะขอเกาะกระแสเหตุการณ์ใหญ่ของโลก ด้วยการหยิบเอาข้อมูลที่น่าสนใจมานำเสนอ

*การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนคืออะไร

ทุก 5 ปี ผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ CPC จากทั่วประเทศจะเดินทางมาประชุมกันที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง เพื่อเลือกผู้นำการเมืองชุดใหม่ของประเทศ ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการกลาง (Central Committee) ที่ทรงอำนาจราว 200 คน คณะกรรมการกรมการเมือง (Politburo) 25 คน และคณะกรรมการประจำกรมการเมือง (Politburo Standing Committee) ที่มีสมาชิก 5-9 คน รวมไปถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการกลางเพื่อการสอบวินัยของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (Central Commission for Discipline Inspection หรือ CCDI)

อย่างไรก็ดี แม้การประชุมสมัชชาใหญ่ถือเป็นองค์กรสูงสุดที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ในความเป็นจริงแล้ว การตัดสินใจส่วนใหญ่นั้นได้มีขึ้นก่อนการประชุมจริง กล่าวคือ ถึงจะมีการลงคะแนนในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ แต่ในความเป็นจริง กลุ่มคนเหล่านั้นได้ถูกคัดเลือกไว้แล้วโดยผู้นำคนปัจจุบัน และคณะกรรมการกลางมีหน้าที่เพียงแค่รับรองคำสั่งเท่านั้น

สำหรับตำแหน่งสำคัญที่สุดที่จะมีการคัดเลือกและแต่งตั้งในการประชุมแต่ละครั้งก็คือ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ หรือเข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ผู้นำสูงสุดของพรรค แล้วตำแหน่งนี้มีความสำคัญอย่างไร ก็สำคัญตรงที่ผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ จะได้ก้าวขึ้นไปเป็นประธานาธิบดีจีนต่อไปในอนาคต

ภายหลังจากที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจนนำไปสู่การยกเลิกข้อจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2561 หลายฝ่ายจึงคาดการณ์ว่าปธน.สีจะอยู่ในอำนาจต่อเป็นสมัยที่ 3 แม้ล่วงเลยวัยเกษียณที่ 68 ปีตามธรรมเนียมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนแล้วก็ตาม

*จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในการประชุมครั้งนี้

ผู้แทนเข้าร่วมประชุมใหญ่ประมาณ 2,300 คนจะมารวมตัวกันที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ในจำนวนนี้จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกลาง 200 คน และมีกรรมการสมทบอีกประมาณ 170 คน จากนั้นคณะกรรมการกลางจะเลือกสมาชิก 25 คนให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการกรมการเมือง และคณะกรรมการกรมการเมืองก็จะทำหน้าที่แต่งตั้งคณะกรรมการประจำกรมการเมือง โดยคัดแล้วคัดอีกจนเหลือสมาชิกไม่ถึงสิบ ซึ่งคณะกรรมการประจำกรมการเมืองชุดปัจจุบันมีสมาชิกอยู่ 7 คน รวมถึงปธน.สี ในฐานะประธานพรรคฯ และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง

นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า ปธน.สีจะปกครองจีนในลักษณะที่มีความเป็นอำนาจนิยมมากขึ้นหากกุมอำนาจเป็นสมัยที่สาม โดยพรรคคอมมิวนิสต์จะนำแนวคิดของปธน.สีมาเป็นปรัชญาบริหารประเทศ

คณะผู้นำสูงสุดของจีนซึ่งจะเป็นที่ทราบกันในการประชุมนี้ จะประกาศนโยบายบริหารประเทศครอบคลุมด้านต่าง ๆ ด้วย โดยทั่วโลกจะจับตาทิศทางนโยบายของจีนอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง การทูต และสิ่งแวดล้อม ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดนั้น ปธน.สีเพิ่งจัดการประชุมร่วมกับกลุ่มผู้นำระดับสูงของจีนไปในวันอาทิตย์ที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นโค้งสุดท้ายก่อนที่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะเปิดฉากขึ้นในวันอาทิตย์นี้ โดยการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นจัดขึ้นในกรุงปักกิ่ง ประกอบด้วยสมาชิกหลักและสมาชิกสมทบของคณะกรรมการกลางพรรคฯ ประมาณ 370 คน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประชุมใหญ่

*จีนในอีก 5 ปีต่อจากนี้

การเมืองจีนเป็นเรื่องที่คลุมเครือมาตลอด ซึ่งการประชุมนี้ก็เช่นกัน โดยเรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือการประชุมนี้จะเปิดฉากในวันที่ 16 ต.ค.นี้แน่นอน ส่วนเนื้อหาในการประชุมนั้นเกือบทั้งหมดก็เป็นเรื่องของการคาดเดา

ในการประชุมนี้ คาดว่าจีนเตรียมประกาศปรับเปลี่ยนคณะผู้นำประเทศ ซึ่งผู้ที่จะออกจากตำแหน่งและผู้ที่จะเข้ามาใหม่นั้นล้วนสะท้อนให้เห็นถึงอำนาจของปธน.สี โดยผู้นำจีนที่ถูกจับตามากที่สุดคนหนึ่งคือนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งมีอายุ 67 ปีในปีนี้

นายหลี่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาว่าปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เขาจะดำรงตำแหน่งนายกฯ หลังจากที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2556 อย่างไรก็ดี นายหลี่ยังคงมีโอกาสดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการประจำกรมการเมืองซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอำนาจสูงสุดในแวดวงการเมืองจีนต่อไป

ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกฯ จีนคนต่อไปนั้น มีอยู่ 4 คนที่มีโอกาสได้เป็น ซึ่งแต่ละคนเคยดำรงตำแหน่งรองนายกฯ มาแล้วทั้งหมด โดยแต่ละคนนั้นมีผลงานเด่น ๆ แตกต่างกันไป ในจำนวนนี้มี 2 คนที่เป็นคณะกรรมการประจำกรมการเมืองอยู่แล้ว ได้แก่ฮั่น เจิง (Han Zheng) ซึ่งมีแนวคิดเหมือนกับปธน.สี และหวัง หยาง (Wang Yang) ซึ่งมีแนวคิดต่างจากปธน.สี เพราะนายหวัง หยาง มีอุดมการณ์ที่ค่อนข้างมุ่งตลาด เมื่อเทียบกับปธน.สีที่ค่อนข้างเน้นความมีระเบียบ

*ลุ้นผ่อนปรนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ เพิ่มคะแนนนิยมผู้นำประเทศ

เศรษฐกิจจีนได้เติบโตไปไกลมากในสมัยของปธน.สี ทว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์จากผู้นำประเทศคนเดียวกันนี้ทำให้เศรษฐกิจจีนต้องหยุดชะงัก แถมยังมีปัจจัยในต่างประเทศประกอบกันด้วย

นักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลจะมีความชอบธรรมในสายตาประชาชนได้ก็ต่อเมื่อประชาชนมีหน้าที่การงานและรายได้ดี ซึ่งนโยบายโควิดเป็นศูนย์ก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางเรื่องนี้

นโยบายโควิดเป็นศูนย์เป็นหนึ่งในนโยบายที่เด่นชัดที่สุดในสมัยของปธน.สี แม้ทั่วโลกส่วนใหญ่เลือกจะกลับมาใช้ชีวิตกับโรคนี้อย่างปกติแล้ว แต่จีนยังใช้มาตรการล็อกดาวน์ ปูพรมตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 และกักตัวเป็นเวลานาน ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศที่มีประชากรหลักพันล้านได้รับผลกระทบอย่างหนัก

แม้จะใกล้ถึงวันสำคัญเต็มที แต่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่เพิ่งหยุดยาวตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องในวันชาติ ซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้ภาพลักษณ์ของปธน.สีย่ำแย่ลงไปอีกเพราะคุมการระบาดไม่อยู่ และอาจทำให้จีนต้องใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไป

ขณะนี้ความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางนโยบายดังกล่าวในอนาคตได้แตกเป็นสองฝั่ง ฝั่งหนึ่งมองว่าจีนอาจใช้การประชุมดังกล่าวประกาศชัยชนะต่อโควิด-19 และยุตินโยบายโควิดเป็นศูนย์เพื่อ “หาทางลง” เพราะรัฐบาลถูกวิจารณ์หนักมาเต็มทีจึงเป็นเวลาสมควรให้ต้องเลิก ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็มองว่าจีนอาจยึดมั่นกับนโยบายดังกล่าวต่อไป โดยทางพรรคคอมมิวนิสต์อาจอ้างได้ว่า จีนให้ความสำคัญกับชีวิตของประชาชนมากกว่าเศรษฐกิจ ไม่เหมือนประเทศอื่นที่โฟกัสกับเศรษฐกิจมากกว่าชีวิตของประชาชน

*ส่องบรรยากาศก่อนการประชุมเปิดฉาก

กรุงปักกิ่งซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมนั้น ได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยและสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งยังติดป้ายทั่วเมืองเพื่อเชิญชวนประชาชนให้กำลังใจประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

นอกเหนือจากการเพิ่มกำลังรักษาความปลอดภัยและเพิ่มบุคลากรสอดส่องโรคแล้ว สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางการจีนยังขอให้ร้านถ่ายเอกสารงดให้บริการถ่ายเอกสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับคำร้องและเอกสารฟ้องร้องคดีในชั้นศาลที่องค์กรรัฐบาลหรือรัฐวิสาหกิจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ทั้งยังมีรายงานว่า บริการรับส่งพัสดุบางประเภทก็ถูกระงับด้วยเช่นกัน ขณะที่ลูกค้าธนาคารบางรายสมัครใช้บริการทางการเงินไม่ได้ โดยได้รับแจ้งเพียงแค่ว่าจะต้องรออีกประมาณ 30 วันถึงจะดำเนินการต่อได้ ทำให้ตลอดทั้งเดือนนี้ลูกค้าสมัครใช้บริการใหม่ไม่ได้เลย

ทั้งนี้ การประชุมครั้งใหญ่นี้คาดว่าจะมีขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการประชุมภายใน ไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าฟัง ซึ่งสื่อของรัฐบาลจีนจะคอยรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ และอินโฟเควสท์ก็จะคอยตามติดความเคลื่อนไหวให้ผู้อ่านได้อัปเดตกันต่อไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ต.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top