ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ตั้งใจดึงเงินออกจากระบบเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงขั้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น และกระทบต่อราคาสินทรัพย์ทางการเงินปรับตัวลดลงถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นหุ้น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ หรือแม้กระทั่งตราสารหนี้ นับว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับนักลงทุน
หากกล่าวถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อ ก่อนหน้านี้เฟดออกมาประกาศว่าภาวะเงินเฟ้อสูงเป็นเพียงภาวะชั่วคราว (Transitory) จากการเปิดเศรษฐกิจหลังโควิด แต่ต่อมาก็ยอมรับว่าสถานการณ์ยากต่อการควบคุม ทำให้นักลงทุนต้องปรับมุมมองว่าเงินเฟ้อสูงอาจอยู่นานกว่าที่เคยคาด และอัตราดอกเบี้ยอาจจะขึ้นไปสูงกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งการดึงสภาพคล่องออกจากระบบอาจจะต้องเร่งให้เร็วขึ้น
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ตลาดตราสารหนี้ผันผวน อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) สูงขึ้นไปถึง 4% จากที่เคยอยู่ในระดับ 1% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ตราสารหนี้กลับมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ ขณะที่มีความเสี่ยงต่ำ เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ภาวะเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนสูงว่าจะเกิดภาวะถดถอยหรือไม่
แต่การเลือกลงทุนในตราสารหนี้ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ต้องคำนึงถึง วันนี้ “Weath Me Please” จะพาทุกคนไปพูดคุยกับนายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ ทิสโก้ (TISCO) เกี่ยวกับตลาดตราสารหนี้ อีกหนึ่งการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอน
ทั้งนี้ รายการ “Wealth Me Please” จะนำข้อมูลความรู้ด้านการเงินและการลงทุน ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ ท่านนำมาต่อยอดช่วยสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง พบกันทุกวันอังคารที่ https://youtube.com/c/InfoQuestNews
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 65)
Tags: WealthMePlease, การลงทุน, ตราสารหนี้, หุ้นไทย, เงินเฟ้อ