บมจ.เบทาโกร กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 434,800,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 40 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
พร้อมกำหนดเปิดจองซื้อเป็น 2 ช่วง ได้แก่
-ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย และผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ในวันที่ 10-17 ต.ค.65
-ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) นิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อและผู้ซื้อหุ้นเบื้องต้นในต่างประเทศ (Initial Purchaser) วันที่ 20-25 ต.ค.65
โดยมี บล.เกียรตินาคินภัทร และ บล.บัวหลวง เป็นปรึกษาทางการเงิน และ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทั้งนี้ บริษัทจะให้สิทธิผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนภายหลังการเสนอขายหุ้นที่จัดจำหน่ายเพื่อให้ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินสามารถจัดหาหุ้นเพื่อส่งมอบคืนให้แก่ผู้ถือหุ้นที่ให้ยืมหุ้นเพื่อการจัดสรรหุ้นส่วนเกินเป็นจำนวนไม่เกิน 65,200,000 หุ้น
บริษัทกำหนดการจัดสรรหุ้นดังนี้
– ผู้ถือหุ้นสามัญเดิมของบริษัทฯ จำนวนประมาณ 7,500,000 หุ้น
– ผู้ลงทุนในประเทศรวมประมาณ 320,105,000 หุ้น แบ่งเป็น บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 150,500,000 หุ้น, บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ 5,200,000 หุ้น, พนักงานของบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ 12,300,000 หุ้น, ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อยของบริษัทฯ 23,000,000 หุ้น, ผู้ลงทุนสถาบันที่จองซื้อในประเทศ (ไม่รวมถึงผู้ลงทุนสถาบันที่เป็นCornerstone Investors ที่จองซื้อในประเทศ) และนิติบุคคลที่สามารถเข้าร่วมการสำรวจความต้องการซื้อ 27,078,000 หุ้น, ผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในประเทศ 102,027,000 หุ้น
– ผู้ลงทุนในต่างประเทศรวมประมาณ 107,195,000 หุ้น แบ่งเป็น ผู้ลงทุนสถาบันที่จองซื้อในต่างประเทศ (ไม่รวมถึงผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในต่างประเทศ) 27,078,000 หุ้น และ ผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในต่างประเทศ 80,117,000 หุ้น
การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้กำหนดราคาเสนอขายที่ 40 บาทต่อหุ้น โดยหากพิจารณากำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64-30 มิ.ย.65) ซึ่งเท่ากับ 3,650.1 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้ว 1,934,800,000 หุ้นภายหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (ไม่รวมกรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 1.89 บาทต่อหุ้น และ P/E ประมาณ 21.2 เท่า แต่หากภายหลังจากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้มีจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้ว 2,000,000,000 หุ้น (มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) กำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 1.83 บาทต่อหุ้น และ P/E ประมาณ 21.9 เท่า
บริษัทได้เปรียบเทียบอัตราส่วน P/E ของบริษัทเทียบเคียงที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 3 บริษัท ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจที่คล้ายคลึงหรือใกล้เคียงกัน ได้แก่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) อยู่ที่ 25 เท่า, บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG) 32.8 เท่า และ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT) 27.3 เท่า
บริษัทมีวัตถุประสงค์ที่จะใช้เงินจากการเสนอขายหุ้น IPO (ในกรณีที่ไม่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินทั้งจำนวน) 17,392 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนในการเข้าซื้อและ/หรือก่อสร้างฟาร์มและโรงงานแห่งใหม่ 8,000 ล้านบาท, ชำระหนี้ระยะสั้นและ/หรือระยะยาว 8,960-10,500 ล้านบาท ที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียน
เบทาโกร เป็นผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย โดยครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์สุกรและสัตว์ปีก ไข่ไก่ อาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง และอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ฟาร์ม และการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง
บริษัทมีรูปแบบการทำธุรกิจแบบครบวงจร (Vertically Integrated Business Model) ที่ครอบคลุมในหลายด้านของห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ (Value Chain) ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเพาะเลี้ยง และจำหน่ายพ่อแม่พันธุ์สัตว์ การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ การชำแหละและการแปรรูปเนื้อสัตว์ ไปจนถึงการขาย โรงงานผลิตและแปรรูปอาหารที่มีมาตรฐานสูงและมีประสิทธิภาพ
ผลิตภัณฑ์ที่วางขายภายใต้แบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม อาทิ แบรนด์ “BETAGRO” และ “S-Pure” สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์อนามัย เนื้อสัตว์แปรรูป และอาหารแปรรูป, แบรนด์ “ITOHAM” สำหรับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม แบรนด์ “betagro” “Balance” และ “MASTER” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ แบรนด์ “Better Pharma” และ “Nexgen” สำหรับผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ และแบรนด์ “Perfecta” “DOG n joy” และ “CAT n joy” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ต.ค. 65)
Tags: หุ้นไทย, หุ้นไอพีโอ, เบทาโกร