บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย (AMARC) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 120,000,000 หุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 2.90 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ระยะเวลาจองซื้อวันที่ 5-7 ต.ค.65 และจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 19 ต.ค.65 ในหมวดธุรกิจบริการ (service) ในชื่อหลักทรัพย์ว่า “AMARC”
นายชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ AMARC เปิดเผยว่า บริษัทแต่งตั้ง บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง คือ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) และ บล.โกลเบล็ก
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทที่เสนอขายในครั้งนี้ พิจารณาจากอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้นของบริษัทฯ (Price to Earnings Ratio : P/E) ทั้งนี้ ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 2.90 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 45.72 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.64 ถึง 30 มิ.ย.65 ซึ่งเท่ากับ 26.64 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท หลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) ซึ่งเท่ากับ 420,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.06 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิดังกล่าวคำนวณจากผลประกอบการในอดีต โดยที่ยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต โดยราคาเสนอขายในครั้งนี้พิจารณาจากแผนธุรกิจของบริษัทฯ และการนำเงินระดมทุนที่ได้จากประชาชนเป็นครั้งแรกไปใช้ในการขยายธุรกิจ
ขณะที่สัดส่วนหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 77,184,400 หุ้น คิดเป็น 18.38% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 332.10 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้สำหรับการจัดซื้อเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล ให้เป็นที่รู้จักของผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน เตรียมพร้อมสำหรับโอกาสการเติบโต
นายชินดนัย กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมอุตสาหกรรมจะยังขยายตัวได้อีกมาก โดยจะนำจุดเด่นของ AMARC ที่โดดเด่นในด้านความมั่นคงและชื่อเสียง จากการเป็นผู้ให้บริการทางวิทยาศาสตร์มายาวนานกว่า 18 ปี มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทยได้รับการควบคุมคุณภาพ เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางกลยุทธ์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการทดสอบ ตรวจสอบ และรับรอง แบบ Comprehensive Supply Chain Service สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้ให้บริการจากลูกค้า สามารถรักษาฐานลูกค้ารายเดิมในอัตราที่สูง
ด้วยศักยภาพการเติบโตของ AMARC ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำทางด้านการบริการทางวิทยาศาสตร์ ด้านเกษตร อาหาร ยา ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร ครอบคลุมทั้งการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ การสอบเทียบเครื่องมือ การตรวจสอบ รับรอง ตามระบบคุณภาพและมาตรฐานสากล ด้วยห้องปฏิบัติการที่ประกอบไปด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางหลายแขนง
ขณะที่ทิศทางอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต จึงเป็นโอกาสให้ AMARC ขยายขอบเขตการให้บริการ และขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในระดับภูมิภาค ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในหลากมิติ สะท้อนการเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบ Growth Stock และ Dividend Stock ด้วยนโยบายการจ่ายปันผลที่ดีในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% และมั่นใจว่า AMARC จะเป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในระยะยาว
นายวิศรุต อังศุภากร ผู้อำนวยการสายงานวาณิชธนกิจ บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า ราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 2.90 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยปัจจุบันธุรกิจการให้บริการทางวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยมีผู้ให้บริการจำนวนน้อยราย แต่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงทั้งด้านราคาและคุณภาพของการให้บริการ ซึ่งคู่แข่งของบริษัทฯ มีทั้งห้องปฏิบัติการของภาครัฐ และบริษัทต่างประเทศที่มีขนาดของธุรกิจใหญ่กว่าบริษัทฯ อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการแต่ละรายมีขอบเขตธุรกิจและการให้บริการแตกต่างกัน โดยอาจมีความทับซ้อนกับบริษัทฯ ที่เน้นในกลุ่มธุรกิจเกษตรอาหารเพียงบางส่วนเท่านั้น
AMARC มีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่น เป็นศูนย์แล็ปที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีฐานลูกค้า หลัก ประกอบด้วยเกษตรกรเพาะปลูก ประมง และปศุสัตว์ ผู้ผลิต โรงงานอุตสาหกรรม โรงงานแปรรูป ผู้จัดจำหน่าย และผู้ส่งออก ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร อาหาร และยา ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่ผู้ประกอบการรายย่อย จนถึงบริษัทชั้นนำของประเทศ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ การเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ เป็นโอกาสในการสร้างรายได้และกำไรที่จะเติบโตต่อเนื่องในอนาคต
ความน่าสนใจของ AMARC คือ ในด้านความมั่นคงและชื่อเสียง จากการเป็นผู้ให้บริการทางวิทยาศาสตร์มายาวนานกว่า 18 ปี มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทยได้รับการควบคุมคุณภาพ เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางกลยุทธ์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการทดสอบ ตรวจสอบ และรับรอง แบบ Comprehensive Supply Chain Service สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้ให้บริการจากลูกค้า สามารถรักษาฐานลูกค้ารายเดิมในอัตราที่สูง
ขณะที่ทิศทางอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต จึงเป็นโอกาสให้ AMARC ขยายขอบเขตการให้บริการ และขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในระดับภูมิภาค ให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในหลากมิติ สะท้อนการเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบ Growth Stock นอกจากนี้ AMARC มีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% และมั่นใจว่า AMARC จะเป็นอีกหนึ่งหลักทรัพย์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในระยะยาว
ภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 62-64) AMARC มีรายได้รวม 198.04 ล้านบาท 220.19 ล้านบาท และ 248.55 ล้านบาทตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 18.19 ล้านบาท 28.43 ล้านบาท และ 24.86 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.19%,12.91% และ 10.00% ตามลำดับ
นอกจากนี้อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ระหว่างปี 62-64 ของรายได้รวมและกำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 12.03% และ 16.91% ตามลำดับ ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.65) บริษัทฯมีรายได้รวม อยู่ที่ 131.64 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 12.70 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 9.65%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 65)
Tags: AMARC, IPO, ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย, หุ้นไทย