นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ฟื้นตัวขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังปรับตัวลงไปมากแล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็กลับมาเป็นบวก และดัชนี VIX เริ่มขึ้นมาในโซนสูง สะท้อนความกลัวของนักลงทุนไปบ้างแล้ว ให้แนวรับไว้ที่ 1,615 จุด และแนวต้านที่ 1,635 จุด อย่างไรก็ตามตลาดจะยังมีแรงกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบที่ทำจุดต่ำสุด และเงินบาทออ่อนค่าใกล้ 38 บาท อาจทำให้ Flow ไหลออก
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้า น่าจะฟื้นตัวขึ้นได้ตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว รวมถึงดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็กลับมาอยู่ในแดนบวก
อีกทั้งดัชนี VIX หรือ ตัวชี้วัดความกลัวของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ เริ่มปรับตัวขึ้นมาอยู่ในโซนสูงที่ระดับประมาณ 32.26 ได้สะท้อนความกลัวของนักลงทุนไปบ้างแล้ว ทำให้วันนี้มองว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นมาได้
พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,615 จุด และแนวต้านที่ 1,635 จุด
บล.กสิกรไทย ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังมีแรงกดดันจากแรงขายในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบที่ลงทำจุดต่ำสุดนับจากกลางเดือนม.ค.65 และเงินบาทที่อ่อนค่าใกล้แตะ 38 บาท อาจทำให้ Flow ไหลออก ประเมินดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแนวรับ 1,600 และ 1,616 จุด แนะแนวต้านคาด 1,655 จุด แต่อย่างไรก็ตามยังคงมุมเดิมว่าตลาดหุ้นไทยจะยัง Outperform หรือลงน้อยกว่าตลาด เห็นได้จาก SET Index ยังไม่ทำ New Low
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,260.81 จุด ร่วงลง 329.60 จุด หรือ -1.11%,, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,655.04 จุด ลดลง 38.19 จุด หรือ -1.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,802.92 จุด ลดลง 65.00 จุด หรือ -0.60%%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,585.38 จุด เพิ่มขึ้น 153.83 จุด หรือ +0.58%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,838.65 จุด ลดลง 16.49 จุด หรือ -0.09%, และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,056.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.16 จุด หรือ +0.17%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,621.25 จุด ลดลง 10.46 จุด, -0.64%
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,772.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ก.ย.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.(26 ก.ย.) ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 76.71 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 2565
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.ย.) อยู่ที่ 0.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 37.88 อ่อนค่าต่อเนื่องจากกังวลแนวโน้มศก. มองกรอบวันนี้ 37.80-38.15
– รอยเตอร์สำรวจความคิดเห็น นักเศรษฐศาสตร์ คาด ธปท.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% พรุ่งนี้ เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน แม้ต่างชาติขึ้นดอกเบี้ยแรงกว่า เพื่อสู้เงินเฟ้อ ด้านเงินปอนด์อ่อนค่าทุบสถิติเมื่อเทียบดอลลาร์ นักลงทุนหวั่นสถานะการคลังรัฐบาลหลังเผยนโยบายลดภาษีครั้งใหญ่ “อาคม” เชื่อแบงก์ชาติดูแลค่าเงินใกล้ชิด ไม่น่ากังวล “กรุงไทย” ชี้แนวโน้มแตะ 38.50 บาทต่อดอลลาร์ เชื่อปลายปีนี้พลิกแข็งค่า
– ส่งออก ส.ค.65 พุ่งต่อเนื่อง มูลค่า 23,632.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 7.5% บวกติดต่อกัน 18 เดือน เหตุเศรษฐกิจคู่ค้าฟื้นตัว มีการเดินทางท่องเที่ยว ทำให้หลายสินค้าขายดี อาหารส่งออกเพิ่มตามความต้องการ และบาทอ่อนส่งผลดีต่อสินค้าเกษตร รวม 8 เดือน มีมูลค่า 196,446.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 11% “จุรินทร์” ลุยดันส่งออกต่อ เน้นเจาะตลาดใหม่ ทั้งปีมั่นใจทำได้เกินเป้า ส่วนเงินบาทล่าสุด แตะ 37.77 บาท อ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี
– กรมสรรพสามิตตั้งเป้าจ่ายเงินอุดหนุนรถอีวีล็อตแรก 500 คัน ช่วงปลายเดือนนี้ พร้อมจ่ายอีก 1.7 พันคัน หากจดทะเบียนเรียบร้อย ย้ำงบ 2.9 พันล้านบาท เพียงพอเทียบยอดจองปัจจุบัน สรุปค่ายรถร่วมแล้ว 8 ค่าย เจรจาอีก 2-3 ราย จ่อลงนามเร็วๆ นี้
– “กกต.” เพิ่งตื่น เตรียมเรียก ผอ.กกต.จังหวัดทำความเข้าใจเรื่อง 180 วันอันตราย หลังแจงไปคนละทาง “ชวน” กรีดควรทำให้ชัด โดยเฉพาะเรื่องงานบุญงานประเพณี “ชลน่าน” ได้ทีจี้ กกต.เพชรบูรณ์ต้องลงดาบกรณี “บิ๊กป้อม” เพราะถือเป็นความผิดซึ่งหน้า ทั้งเรื่องป้ายต้อนรับและโปรยทาน ไม่พลิก! “สุวัจน์-กรณ์” ปรับโฉม “ชาติพัฒนา” เป็น “ชาติพัฒนากล้า” พรรคบรรหารเตรียมขยับบ้างหลังหนูนาไขก๊อกพ้นหัวหน้า
หุ้นเด่นวันนี้
– CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 85 บาท โมเมนตัมกำไรครึ่งปีหลังปี 65 คาดฟื้นตัวต่อเนื่องตามการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ หนุน Traffic เข้าห้างฟื้นตัวเข้าใกล้ช่วก่อน COVID-19 รวมถึงส่วนลดค่าเช่าที่เริ่มทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง และกระทบจำกัดต่อปัจจัยลบของต่างประเทศ คาดกำไรปี 2565-2566 +244% Y-Y และ +33% Y-Y ตามลำดับ หนุนจากทั้งการฟื้นตัวของค่าเช่าห้างเดิม การเข้าซื้อ SF
และระยะยาวรองรับด้วยแผนการลงทุน 5 ปี 1.2 แสนลบ. ทั้งธุรกิจศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรแรม
– GFPT (กรุงไทย) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 19 บาท คาดได้ประโยชน์หลังจากญี่ปุ่นประกาศเข้าแทรกแซงค่าเงินเยน รวมถึงได้ประโยชน์จากการที่ญี่ปุ่นประกาศเปิดฟรีวีซ่าให้เข้าประเทศได้ตั้งแต่ 16 ต.ค.นี้ ช่วยหนุนดีมานด์ผลิตภัณฑ์จากไก่ของ GFPT เพิ่มขึ้น (ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกคิดเป็น 48% ของ GFPT)
– AOT (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 80 บาท นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยเด่นที่หนุนภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นตัว ผสานกับการทยอยเปิดภาคการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น (ฟรี VISA ระยะสั้น) คาดจะเพิ่มรายได้ให้แก่ AOT มากยิ่งขึ้น หนุนผลการดำเนินงาน AOT พลิกกลับมา Turnaround
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, วทัญ จิตต์สมนึก, หุ้นไทย