นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ปี 65 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย จำนวน 381 ราย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 141 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 240 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 83,282 ล้านบาท จ้างงานคนไทยกว่า 3,762 คน
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 96 ราย คิดเป็น 25% เงินลงทุน 32,897 ล้านบาท สิงคโปร์ 64 ราย คิดเป็น 17% เงินลงทุน 10,665 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 49 ราย คิดเป็น 13% เงินลงทุน 3,277 ล้านบาท ฮ่องกง 28 ราย คิดเป็น 7.4% เงินลงทุน 7,788 ล้านบาท เยอรมนี 17 ราย คิดเป็น 4.5% เงินลงทุน 1,203 ล้านบาท เนเธอร์แลนด์ 16 ราย คิดเป็น 4.2% เงินลงทุน 4,907 ล้านบาท และจีน 16 ราย คิดเป็น 4.2% เงินลงทุน 14,719 ล้านบาท
หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (ม.ค.-ส.ค.64) พบว่า อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 51 ราย คิดเป็น 15% (ปี 65 อนุญาต 381 ราย, ปี 64 อนุญาต 330 ราย) เม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 33,156 ล้านบาท คิดเป็น 66% (ปี 65 ทุน 83,282 ล้านบาท ปี 64 ทุน 50,126 ล้านบาท) และจ้างงานคนไทยเพิ่มขึ้น 953 ราย คิดเป็น 34% (ปี 65 จ้างงาน 3,762 คน ปี 64 จ้างงาน 2,809 คน) โดยปี 64 ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนสูงสุด คือ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับปี 65
ในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.65) ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ อาทิ บริการออกแบบ ก่อสร้าง ติดตั้ง และตรวจสอบระบบกักเก็บพลังงาน สำหรับโครงการโรงผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานสำหรับสนามบินอู่ตะเภา, บริการขุดเจาะปิโตรเลียม, บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Electric Vehicle Charging Station) สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า
นอกจากนี้ ยังมีบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษา เชิงเทคนิคแบบครบวงจรในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ การช่วยเหลือด้านการออกแบบ การพัฒนา และทดสอบระบบ เป็นต้น, บริการออกแบบด้านวิศวกรรม จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตน้ำยาอะคริลิก, บริการให้ใช้แพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน และเว็บไซต์ สำหรับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า และสั่งซื้อสินค้าและบริการ และบริการพัฒนาและให้บริการซอฟต์แวร์ด้านวิเคราะห์ และเชื่อมโยงเพื่อบริหารจัดการข้อมูล Big Data, Data Analytics
สำหรับการลงทุนในพื้นที่ EEC ของนักลงทุนต่างชาติ 8 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ส.ค.65) มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 69 ราย คิดเป็น 18% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมดใน 8 เดือนนี้ โดยมีเงินลงทุนในพื้นที่ EEC กว่า 33,236 ล้านบาท คิดเป็น 40% ของเงินลงทุนทั้งหมด
ทั้งนี้ เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 31 ราย ลงทุน 21,983 ล้านบาท สิงคโปร์ 7 ราย ลงทุน 1,826 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 5 ราย ลงทุน 1,074 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน อาทิ 1. บริการรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ FUEL PUMP MODULE 2. บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาเชิงเทคนิค และการออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ และ 3. บริการบุรอง (Lining) ชิ้นส่วนของเครน รอก ลิฟท์ และแม่แรง เป็นต้น
รมช.พาณิชย์ คาดว่า ในช่วงอีก 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค.65) จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากภาครัฐมีมาตรการส่งเสริมการลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจโดยผ่อนคลายให้มีการเปิดประเทศ และเพิ่มการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเสริมให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
สำหรับเดือนส.ค. 65 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติ 58 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยเป็นการลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว แบ่งเป็น ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ จำนวน 19 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ จำนวน 39 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 9,648 ล้านบาท จ้างงานคนไทยกว่า 454 คน ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์
นอกจากนี้ มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรง จากประเทศผู้เข้ามาลงทุนให้แก่คนไทย เช่น องค์ความรู้เกี่ยวกับความรู้ทางเทคนิคเฉพาะทางการติดตั้งและซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้าของรถไฟฟ้า องค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือส่งเสริมการขายของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ องค์ความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบวิเคราะห์ระบบสารสนเทศความปลอดภัยทางไซเบอร์ในเชิงป้องกัน องค์ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการออกแบบการบุรองเครน รอก ลิฟท์ และแม่แรง เป็นต้น
ส่วนธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่ บริการสำรวจ ติดตั้ง ทดสอบ ซ่อมแซมและแก้ไขข้อบกพร่อง รวมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับงานติดตั้งระบบจ่ายไฟเหนือขบวนรถไฟฟ้า, บริการออกแบบทางวิศวกรรม จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้ง รวมทั้งทดสอบระบบ สำหรับโครงการก่อสร้างโรงงานสำหรับผลิตไวนิลคลอไรด์โมโนเมอร์ และผลิตพอลิไวนิลคลอไรด์, บริการออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบระบบท่อส่งก๊าซไนโตรเจนและก๊าซไฮโดรเจน สำหรับโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซ, บริการระบบซอฟต์แวร์ฐาน (SOFTWARE PLATFORM) ซึ่งเป็นการให้บริการแพลตฟอร์มแสดงข้อมูล และตัวชี้วัดของผู้ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และบริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ เป็นต้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 65)
Tags: การลงทุน, คนต่างด้าว, ชาวต่างชาติ, นักลงทุนต่างชาติ, สินิตย์ เลิศไกร, ใบอนุญาตประกอบธุรกิจ