บมจ.บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป (BVG) ในเครือ บมจ.ไทยรีรับประกันภัยต่อ (THRE) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่ 157 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายนหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ 90 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท 67.50 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 35% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ 1)พัฒนาระบบ AI และระบบสารสนเทศ เพื่อต่อยอดธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ 2) ขยายธุรกิจไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน โดยการลงทุนหรือร่วมทุนกับบริษัทอื่น และ 3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อใช้ในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ
BGV ประกอบธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) ในประเทศไทย โดยมีความเชี่ยวชาญในด้านพัฒนาแพลตฟอร์มโซลูชันสำหรับธุรกิจประภัยรถยนต์ ระบบนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ครอบคลุมกระบวนการและเชื่อมต่อห่วงโซ่คุณค่าธุรกิจประกันภัยรถยนต์
บริษัทสามารถให้บริการระบบแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันในการจัดการค่าสินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์อย่างอัตโนมัติ ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นของการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์ การพิจารณาค่าสินไหมทดแทน ตลอดจนถึงกระบวนการปิดจบงานจัดการค่าสินไหมทดแทนรถยนต์ โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญในการพัฒนาแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มหลักของบริษัทฯ ได้แก่ ระบบบริหารจัดการค่าสินไหมทดแทนรถยนต์ (e-Claim) ซึ่งเป็นระบบสำหรับการบันทึกข้อมูลผู้เอาประกันภัย กรมธรรม์ และความเสียหายของรถยนต์ และสามารถทำการเสนอและอนุมัติราคาค่าซ่อม ตลอดจนวางใบแจ้งหนี้ได้
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายการให้บริการระบบแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันเพื่อให้ครอบคลุมทุกกระบวนการอื่นของธุรกิจประกันภัยรถยนต์ เช่น ระบบจัดซื้ออะไหล่ (e-Part) ระบบบริหารงานภายในอู่ซ่อมสำหรับลูกค้าเงินสด (e-Garage) ระบบบริหารจัดการงานสำรวจภัยอุบัติเหตุรถยนต์ (M-Survey) และโมบายแอปพลิเคชั่น CarMate เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้นำให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องจากประกันภัยรถยนต์ (ระบบ EMCS) ในประเทศไทย โดยมีฐานลูกค้าที่เป็นบริษัทประกันภัยมากที่สุดในประเทศ 34 บริษัทที่ครองส่วนแบ่งการตลาด 97% ของจำนวนรายการที่มีการบริหารจัดการเคลมผ่านระบบแพลตฟอร์มบริหารจัดการสินไหมทดแทนประกันรถยนต์ทั้งหมดในปี 64
นอกจากนี้ บริษัทมีธุรกิจให้บริการด้านสนับสนุนการปฏิบัติงานแก่ธุรกิจประกันภัย โดยดำเนินการผ่านบริษัทย่อย ได้แก่
- บริษัท บลูเวนเจอร์ ทีพีเอ จำกัด (BVTPA) เดิมชื่อบริษัท ไทยรี เซอร์วิสเซส จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันสำหรับบริหารจัดการสิทธิประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาลและสินไหมทดแทน รวมถึงการให้คำปรึกษาแนะนำที่เกี่ยวข้อง (บริการ TPA) และการให้คำปรึกษาจัดอบรมด้านประกันภัย และการบริการสนับสนุนการปฏิบัติงานอื่นๆ แก่บริษัทในเครือ
- บริษัท บลูเวนเจอร์ แอคชัวเรียล จำกัด (BVA) เดิมชื่อบริษัท ไทยรี แอคชัวเรียล คอนซัลติ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และ
- บริษัท บลูเวนเจอร์ เทค จำกัด (BVTECH) เดิมชื่อบริษัท ไทยรี อินโนเวชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ให้บริการพัฒนาแพลตฟอร์ม และให้บริการให้คำปรึกษาและบำรุงรักษาระบบ เป็นต้น
โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) ถือหุ้นสัดส่วน 100% และภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) สัดส่วนถือหุ้นจะลดลงเหลือ 65.00%
ผลการดำเนินงานในช่วงปี 62-64 บริษัทมีรายได้จากการให้บริการของกลุ่ม เท่ากับ 384.06 ล้านบาท 388.40 ล้านบาท และ 400.24 ล้านบาท กำไรสุทธิ 71.07 ล้านบาท 62.23 ล้านบาท และ 50.16 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะที่งวด 6 เดือนแรก ปี 64 และ ปี 65 มีมูลค่าเท่ากับ 198.32 ล้านบาทและ 208.86 ล้านบาท ตามลำดับ กำไรสุทธิ เท่ากับ 34.30 ล้านบาท และ 26.71 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 สินทรัพย์รวม 513.15 ล้านบาท หนี้สินรวม 124.22 ล้านบาท และ ส่วนของผู้ถือหุ้น 388.93 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากงบเฉพาะกิจการในแต่ละงวด หลังหักเงินสำรองตามกฎหมายและตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 65)
Tags: BVG, IPO, THRE, บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป, หุ้นไทย, ไทยรีรับประกันภัยต่อ