ศาลฎีกาฯ ยกฟ้อง สุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวก ฮั้วประมูลโรงพักและแฟลตตำรวจ

ศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษายกฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และพวก ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องกรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง พร้อมโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก เนื่องจากเห็นว่าไม่ได้กระทำผิด และไม่ได้ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 ตามที่ถูกฟ้อง

จำเลยในคดีนี้ทั้ง 6 ราย ได้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ และ พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา, บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์

สำหรับคดีฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดแทนและโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ) นั้น ทางป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดนายสุเทพ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ทุจริตโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่ง เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้รับความเสียหาย 1,728 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย (แฟลต) จำนวน 163 หลัง เป็นเหตุให้ สตช.ได้รับความเสียหาย 3,994 ล้านบาท นอกจากนั้นปรากฏมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงินจากผู้รับจ้างจำนวน 91,678,000 บาทอีกด้วย

ส่วนพล.ต.ต. สัจจะ และพ.ต.ท. สุริยา ถูกชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2552 มาตรา 10 และมาตรา 12 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 79 (1) (5) และ (6)

สำหรับบริษัท พีซีซี ดีเวลล๊อปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด โดยนายวิษณุ กรรมการผู้จัดการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท และนายวิษณุ ในฐานะส่วนตัว ถูกชี้มูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 และมาตรา 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าว

อนึ่ง ในการพิจารณาชี้มูลความผิดของนายสุเทพและพวกโดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ดังกล่าวมี พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ เป็นประธาน ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ก็ดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร. รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ในช่วงที่มีการพิจารณาโครงการก่อสร้างโรงพักและอาคารที่พักของ สตช. ซึ่งแหล่งข่าวจาก ป.ป.ช.เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีกรรมการ ป.ป.ช.บางคนทักท้วงว่าการที่ผู้ชี้มูลและผู้ที่มีส่วนได้เสียกับโครงการดังกล่าวเป็นคนเดียวกันอาจทำให้เกิดปัญหาในการพิจารณาคดี แต่ที่สุดแล้ว ป.ป.ช.ก็ได้ส่งฟ้องดำเนินคดีดังกล่าว

นายสุเทพ กล่าวว่า หลังจากนี้จะเดินหน้าทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนตามอุดมการณ์ต่อไป โดยต้องการสนับสนุนพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง ซึ่งได้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลัง ที่มี ส.ส. 5 คน และมีรัฐมนตรี 1 คน

“ช่วงที่ก่อตั้งพรรค ผมถูกโจมตีจากข้อมูลเท็จ แต่วันนี้ผมมีกำลังใจในการเดินหน้าทางการเมืองต่อไป ยืนยันไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่จะขอสร้างนักการเมืองที่ดีมาทำงานเพื่อประชาชน”

นายสุเทพ ระบุ

ส่วนสมาชิกพรรคที่จะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น ตนไม่ทราบว่าจะรอดหรือไม่ ต้องรอการตัดสินวันที่ 30 ก.ย.นี้

“ในชีวิตทุ่มเททำงานให้กับบ้านเมืองและประชาชนด้วยความสุจริต ไม่มีใจที่จะคิดคดทรยศต่อแผ่นดิน ไม่ใช่คนทุจริตคอร์รัปชั่น ทุกอย่างได้พิสูจน์แล้ว ใครที่เคยกล่าวหาโจมตี ขออโหสิให้”

นายสุเทพ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top