รายงานข่าว แจ้งว่า การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้พิจารณาเห็นชอบผลศึกษาโครงการวิจัยการศึกษานวัตกรรมเชิงระบบโครงสร้าง และกลไกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ที่จัดทำโดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
สาระสำคัญของผลการศึกษาฯ ดังกล่าวคือ มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีการปฏิรูประบบการบริหารจัดการการน้ำให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำ (Water Security) และการจัดการที่เป็นตามหลักธรรมาภิบาลการจัดการน้ำ (Water Governance) โดยอยู่ในรูปแบบกระทรวงทรัพยากรน้ำ เพื่อเป็นการแก้ไขและพัฒนาระบบอย่างก้าวกระโดด โดยมีแผนนำทางที่ต้องเร่งดำเนินการ (Quick Win) ภายในระยะเวลา 5 เดือนเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบการบริหารจัดการน้ำในปัจจุบันผ่านการทำงานของ สทนช. ได้แก่ การเสริมสร้างความเข้มแข็งในระดับลุ่มน้ำ โดยการจัดตั้งสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำ/อนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด และ Water Resources Intelligent Unit ตลอดจนจัดตั้งคณะทำงานยกร่าง พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรมฯ และแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ และร่างกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การขึ้นรูปกระทรวงทรัพยากรน้ำต่อไป
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้ทีดีอาร์ไอร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เร่งจัดทำรายงานผลการศึกษาให้สมบูรณ์ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบความคืบหน้าต่อไป
ที่ผ่านมา วช.ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการน้ำ และสนับสนุนงานวิจัยด้านน้ำมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ แผนงานวิจัยเข็มมุ่งด้านการบริหารจัดการน้ำ และจัดเสวนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ “สู้ภัยน้ำท่วม ด้วยวิจัยและนวัตกรรม” ช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา และครั้งนี้ วช.ได้สนับสนุนการศึกษานวัตกรรมเชิงระบบฯ ซึ่งจัดทำโดย สอวช. และ ทีดีอาร์ไอ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธาน ซึ่งสามารถนำผลการสังเคราะห์ที่ได้จากการศึกษาไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการน้ำและบูรณาการขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศเชิงระบบและโครงสร้างให้ครอบคลุมทุกมิติที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำให้กับประชาชนอย่างยั่งยืน ซึ่งในปัจจุบันภารกิจด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 38 หน่วยงาน และมีกฎหมายหลายฉบับที่กำหนดให้หน่วยงานรับผิดชอบ ดูแล และบำรุงรักษา มีปัญหาความทับซ้อนการทำงานส่งผลต่อผลลัพธ์มิติน้ำและมิติทางเศรษฐกิจและสังคม จึงต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการวิเคราะห์แนวทางการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำของประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 65)
Tags: ทรัพยากรน้ำ, บริหารจัดการน้ำ, ประวิตร วงษ์สุวรรณ