นายฟิลลิป โลว์ ผู้ว่าการธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) เปิดเผยในวันนี้ (16 ก.ย.) ว่า มีความจำเป็นที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มในอนาคต เพื่อฉุดเงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมายที่ 2% – 3% แม้ว่าจะทำให้ประชาชนจำนวนมากไมม่พอใจก็ตาม
ถ้อยแถลงดังกล่าวของนายโลว์มีขึ้นขณะเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการเศรษฐกิจของสภาผู้แทนราษฎรออสเตรเลีย ซึ่งดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยล่าสุดและมาตรการในการควบคุมเงินเฟ้อของ RBA
นายโลว์ประกาศอย่างชัดเจนว่า RBA ตั้งใจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต แต่ระดับการปรับขึ้นอาจชะลอลงในบางจุด แม้ตระหนักดีว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้นจะทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่พอใจ โดยเฉพาะผู้ที่กู้เงินก้อนโตในช่วงเวลาไม่นานมานี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายโลว์อธิบายเกี่ยวกับปัจจัยระดับโลกหลายประการที่ทำให้เงินเฟ้อของออสเตรเลียพุ่งสูงขึ้น รวมถึง ภาวะติดขัดในตลาดพลังงานอันเป็นผลมาจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน รวมถึงแรงกระเพื่อมจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีต่อห่วงโซ่อุปทานโลก และอุปสงค์สินค้าภายในประเทศที่อยู่ในระดับค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับความสามารถในการตอบสนองต่ออุปสงค์ดังกล่าวของเศรษฐกิจออสเตรเลีย
“ในรอบหนึ่งปีถึงเดือนมิ.ย. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 6.1% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกตลอดช่วงหลายเดือนข้างหน้า จนกระทั่งแตะระดับสูงสุดที่ 7.75% ในช่วงต่อไปของปีนี้ และจากนั้นก็จะค่อย ๆ ลดลงจนกลับสู่ระดับประมาณ 3% ในช่วงปลายปี 2567” นายโลว์กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 65)
Tags: RBA, ธนาคารกลางออสเตรเลีย, ออสเตรเลีย, เศรษฐกิจออสเตรเลีย