หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลงตามภูมิภาควิตกศก.สหรัฐถดถอย-บาทอ่อนส่งแรงขายต่างชาติ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งลงตามตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ รับความกังวลการเกิด Recession ในสหรัฐฯ จากการเดินหน้าเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ ส่งผลดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าต่อเนื่อง และค่าเงินบาทอ่อนค่าใกล้แตะ 37 บาท/ดออลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีแรงขายต่างชาติยังกดดันดัชนี ประกอบกับราคาน้ำมันลดลงกดดันต่อหุ้นพลังงาน และตลาดยังมองข้ามปัจจัยบวกของตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมา พร้อมให้แนวต้าน 1,650-1,655 จุด แนวรับ 1,630-1,635 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากความกังวลในเรื่องของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ของสหรัฐฯ ที่จะตามมาหลังการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่สูง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งค่า และค่าเงินในภูมิภาคอื่นๆอ่อนค่า โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาใกล้แตะ 37 บาท/ดออลาร์สหรัฐฯ ทำให้มีแรงขายนักลงทุนต่างชาติออกมากดดันตลาด

ขณะเดียวกันความกังวลเกี่ยวกับ Recession ของสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบกลับมาปรับตัวลดลง ซึ่งอาจจะกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทย และเป็นแรงกดดันดัชนีในวันนี้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯจะออกมาดี แต่นักลงทุนอาจจะมองข้ามไป ทำให้ตลาดรับปัจจัยลบเข้ามามาก และเป็นแรงกดดันต่อการรีบาวด์กลับมา

โดยให้แนวต้าน 1,650-1,655 จุด แนวรับ 1,630-1,635 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (15 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,961.82 จุด ลดลง 173.27 จุด หรือ -0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,901.35 จุด ลดลง 44.66 จุด หรือ -1.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,552.36 จุด ลดลง 167.32 จุด หรือ -1.43%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,631.39 จุด ลดลง 244.52 จุด หรือ -0.88%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,732.44 จุด ลดลง 197.94 จุด หรือ -1.05% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,189.83 จุด ลดลง 10.09 จุด หรือ -0.32%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,642.33 จุด ลดลง 14.25 จุด, -0.86%
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,526.37 ล้านบาท เมื่อวันที่ 15 ก.ย.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(15 ก.ย.) ร่วงลง 3.38 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 85.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ก.ย.) อยู่ที่ -1.64 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.97 อ่อนค่าสุดรอบ 16 ปี มองกรอบวันนี้ 36.90-37.10 จับตา Flow
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็น หลักการในการห้ามผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลให้บริการหรือสนับสนุนการให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ฝากและการให้กู้ยืม (deposit taking & lending) เพื่อคุ้มครองผู้ซื้อขายและประชาชนจากความเสี่ยงทางธุรกิจของผู้ให้บริการธุรกรรม รวมทั้งเพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดจากการเข้าใจผิดว่า เป็นบริการที่มีการกำกับดูแลจากหน่วยงานกำกับ จนอาจนำไปสู่ความเสียหายของประชาชน เนื่องจากยังไม่มีการกำกับดูแลทั้งในและต่างประเทศ และปัจจุบันมีผู้ให้บริการในต่างประเทศหลายรายที่ประสบปัญหาด้านสภาพคล่องจนต้องหยุดให้บริการและมีการระงับการถอนสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้า ก.ล.ต. จึงได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักการในการกำกับดูแล
  • “ศักดิ์สยาม” เผยรอ “ทางหลวง” สรุปปรับแบบมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช พร้อมเร่งชง ครม.ในปีนี้ เพิ่มค่าก่อสร้าง 6.7 พันล้านบ. เดินหน้าก่อสร้าง 16 ตอนให้เสร็จ ตั้งเป้าเปิดบริการเต็มรูปแบบในปี 67
  • นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลกระทบเศรษฐกิจโลกต่อธุรกิจไทย ที่สำรวจความเห็น 850 ตัวอย่างทั่วประเทศว่า จากผลสำรวจผู้ตอบกว่า 90% ระบุว่าธุรกิจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย ค่าครองชีพสูงการขึ้นดอกเบี้ยและการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพราะทำให้ยอดขาย กำไรและลูกค้าลดลง ขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นและขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมาก เช่น กลุ่มอาหาร แฟชั่น เกษตร ยานยนต์ ธุรกิจเช่าซื้อ ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ เครื่องประดับ ส่งผลให้ธุรกิจมีโอกาสเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และบางส่วนอาจปลดคนงาน “ภาคธุรกิจมองว่า เศรษฐกิจไทยช่วง 6 เดือนถึง 1 ปี จะไม่เปลี่ยนไปมากนัก แต่สิ่งที่กังวลคือ ต้นทุนผลิตที่เพิ่มขึ้นค่าครองชีพสูงและเงินเฟ้อสูงขึ้นจากราคาพลังงาน จึงต้องการให้รัฐบาลสกัดเงินเฟ้อไม่ให้สูงเกินไป โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ภาคธุรกิจยังทำธุรกิจต่อไปได้”
  • นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่าผลสำรวจสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี 65 เริ่มมีการชะลอตัว โดยเฉพาะการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่มีมากขึ้น แต่กำลังซื้อกลับลดลง ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขายคงค้างกว่า 1.76 แสนหน่วย มูลค่ากว่า 8.6 แสนล้านบาท และคาดการณ์ทั้งปี 65 จะมีโครงการเปิดใหม่ 83,608 หน่วย เพิ่มขึ้น 62.2% มูลค่า 386,757 ล้านบาท เพิ่ม 76.6% มียอดขายทั้งปีจะอยู่ที่ 77,223 หน่วย เพิ่มขึ้น 24.7% มูลค่า 346,388 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% ทำให้มีหน่วยเหลือขายรวม 203,201 หน่วย เพิ่มขึ้น 23.2% มูลค่า 959,382 ล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

  • VGI (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 4.80 บาท “สื่อนอกบ้านฟื้นเด่น สื่อรถไฟฟ้าโตคู่ไปกับผู้โดยสาร BTS” ในเดือน ส.ค. สื่อ Out of Home (Outdoor, Transit, In store) +68%YoY สื่อบนรถไฟฟ้าฟื้นต่อเนื่องพร้อมกับผู้โดยสาย BTS ในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 13.8 ล้านเที่ยว +393%YoY, +13%MoM , ติดตามความร่วมมือระหว่าง VGI-BTSC-ONEE (เปิดตัวสำนักข่าว One News) นำไปสู่การใช้ Platform ของ VGI อาทิ จอ กว่า 3,500 จอในกรุงเทพ-ปริมณฑล + หน้าจอบนรถไฟฟ้า 2,000 จอ และในตึกออฟฟิศอีกกว่า 1,500 จอ คาดเป็นบวกต่อรายได้ของ VGI ในระยะยาว DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565/2566 -2566/2567 ที่ 307 ลบ. และ 691 ลบ. พลิกจากขาดทุน และเติบโต +125%YoY ในปีถัดไป ตามลำดับ
  • SCGP(กสิกรไทย) ราคาทางพื้นฐาน 57.0 บาท แนะนำเหมาะสำหรับนักลงทุน 1 ปี มองกำไร 2H65 ดีกว่า1H65 หลังจากที่ราคาถ่านหิน ค่าระวางเรือปรับลดลงราว 40%นับจากจุดสูงสุด ทำให้ต้นทุน RCP ที่นำเข้าลดลงปรับตัวลง และทำให้ spread ดีขึ้น โดยคาดว่าจะเห็น Improvement หลักๆ ใน Q4 , Sentiment บวกจากจีนประกาศยกเลิกมาตรการ Lockdown เมืองเฉิงตู บวกต่อ SCGP, ราคาหุ้นปัจจุบันปรับฐานลงสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว โดย 12M FWDPER อยู่ราว 26 เท่า หรือราว 0.5SD และ 12M FWD PBV (x)อยู่ราว 2.2 เท่า หรือราว -0.5SD
  • EPG (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 14.5 บาท คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ทุกกลุ่มธุรกิจกลับสู่โหมดฟื้นตัว ขณะที่วันนี้ได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันร่วงแรง รวมทั้งเงินบาทอ่อนค่า โดย 60% ของรายได้มาจากต่างประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top