ก.เกษตรฯ ไทย-มองโกเลีย พร้อมทำ MOU ร่วมส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายจัมบัลเซเรน โทโมร์-อูยา (Mr.Jambaltseren Tumur-Uya) ปลัดกระทรวงอาหาร เกษตรและอุตสาหกรรมเบา มองโกเลีย หารือการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงเกษตรฯ ของทั้ง 2 ประเทศ

สำหรับการหารือในครั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ ยินดีที่จะหารือร่วมกับฝ่ายมองโกเลียในการจัดทำ MOU ดังกล่าว โดยจะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความเหมาะสมในด้านเนื้อหาสำคัญ ขอบข่ายความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายจะได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งยินดีที่จะส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรที่มีศักยภาพ และเป็นไปตามกฎระเบียบของทั้งสองฝ่าย

ในส่วนของความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างไทยและมองโกเลีย จะเป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้แผนความร่วมมือระยะ 5 ปี ไทย-มองโกเลีย (ปี 65-70) ซึ่งรัฐบาลไทยและมองโกเลียได้เห็นชอบร่วมกันเมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป

ทั้งนี้ มองโกเลียเป็นประเทศคู่ค้าสินค้าเกษตรอันดับที่ 148 ในระหว่างปี 62-64 มีสัดส่วนการค้าสินค้าเกษตรกับไทยน้อยมาก (0.005% ของมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรของไทยกับโลก) ในปี 62 มีมูลค่าการค้าสินค้าเกษตร 90 ล้านบาท แต่ในปี 63 มีมูลค่าลดลงเหลือ 78 ล้านบาท และในปี 64 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 108 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการค้าสินค้าเกษตรเฉลี่ยปีละ 92 ล้านบาท โดยมีอัตราการค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 9.65% ต่อปี

นอกจากนี้ ประเทศไทยมีสินค้าเกษตรสำคัญที่ส่งออกไปมองโกเลีย 10 อันดับ ได้แก่ 1. ซอสและของปรุงแต่งสำหรับทำซอส ของผสมที่ใช้ปรุงรส และของผสมที่ใช้ชูรสอื่นๆ เช่น ผงปรุงรส น้ำปลา น้ำมันหอย ซอสพริก เครื่องแกงสำเร็จรูป 2. น้ำ รวมถึงน้ำแร่และน้ำอัดลม ที่เติมน้ำตาลหรือสารที่ทำให้หวานอื่นๆ หรือที่ปรุงกลิ่นรส และเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ แต่ไม่รวมถึงน้ำผลไม้หรือน้ำพืชผัก

3. สับปะรดที่ปรุงแต่งหรือทำไว้ไม่ให้เสียโดยวิธีอื่น 4. ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก ปลาโบนิโต (ชนิดซาร์ดา) ทั้งตัวหรือเป็นชิ้นแต่ไม่บด 5. อาหารปรุงแต่งอื่นๆ เช่น เต้าหู้ ครีมเทียม 6. ข้าว 7. บิสกิตหวาน 8. ของผสม ของก้าน ราก และส่วนอื่นของพืชที่บริโภคได้ ไม่รวมถึงผลไม้หรือลูกนัต 9. น้ำผลไม้ เช่น น้ำแบล็กเคอร์แรนต์ น้ำมะพร้าว และ 10. ยีสต์ชนิดทวีตัวได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ย. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top