นายเอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (Zipmex) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของสถานการณ์ และการดำเนินงานของบริษัทฯ ตามคำสั่งศาลของสิงคโปร์ ว่า ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างการดำเนินการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทฯ และการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยเงื่อนไขใดๆ ได้
โดยแผนการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทฯ นั้น ประกอบด้วย
1. แสวงหาการเพิ่มทุนจากนักลงทุนที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาเงื่อนไขการร่วมทุน และติดตามคำถาม ตรวจสอบข้อมูล ตรวจสอบสถานะทางการเงินของบริษัทกลุ่มผู้ลงทุน แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดของเงื่อนไขการร่วมทุนดังกล่าวได้ และยังไม่สามารถระบุได้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเสร็จสิ้นได้เมื่อไหร่ แต่บริษัทฯ ยืนยันจะทำตามแผนทุกอย่าง
โดยขณะนี้มีนักลงทุนทั้งสิ้น 3 ราย ที่มีการตรวจสอบสถานะของบริษัทในขั้นต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลงหลักทางธุรกิจ รวมถึงได้เริ่มกระบวนการตรวจสอบสถานะของบริษัทในขั้นที่ 2 แล้ว ทำให้บริษัทมีความมั่นใจและความคืบหน้าเชิงบวกของการเจรจาที่เกิดขึ้น
2. มองหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม หรือรับการสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติม เช่น เงินกู้หมุนเวียน เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
3. กลุ่มบริษัทฯ จะพิจารณาขายสินทรัพย์ หรือบริษัทย่อยที่มีอยู่ (หากจำเป็น) เพื่อรองรับความต้องการด้านเงินทุนหมุนเวียน
นอกจากนี้บริษัทยังมีมาตรการลดต้นทุน ประกอบด้วย การเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน การทำให้ทีมงานมีความคล่องตัว หยุดการจ้างที่ปรึกษาและผู้ให้บริการภายนอกที่ไม่จำเป็นทั้งหมด, การประเมินค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นรายเดือน ซึ่งรวมถึงบริการต่างๆ ที่ไม่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ, การปรับปรุงพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนการขาย (COGS) โดยที่ปรึกษาทางการเงินได้ทำงานร่วมกับบริษัทอย่างใกล้ชิด เพื่อให้บรรลุในแต่ละเงื่อนไขข้างต้น
สำหรับการปรับโครงการหนี้ บริษัทมีความมั่นใจที่จะมีการร่วมทุน โดยได้ทำงานร่วมกับที่ปรึกษากฎหมายและที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อนำแผนดังกล่าวมาเสนอให้กับเจ้าหนี้พิจารณาต่อไป และหลังจากนั้นเจ้าหนี้จะเป็นผู้ลงคะแนนและอนุมัติแผนปรับโครงสร้างที่บริษัทได้เสนอไป จากนั้นจะมีการเสนอต่อศาลที่สิงคโปร์เพื่อให้อนุมัติแผนดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตามหากแผนการปรับโครงสร้างหนี้ไม่ได้รับการอนุมัติ บริษัทฯ จะพิจารณาทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับกลุ่มบริษัทและเจ้าหนี้ของ Zipmex
“กลุ่มบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ขั้นตอนในการพิจารณาการร่วมทุน และการปรับโครงสร้างหนี้สำเร็จโดยเร็วที่สุด แต่ในขณะนี้ด้วยเงื่อนไขที่ได้กล่าวไปข้างต้น และข้อจำกัดในหลายประการ เรายังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเสร็จสิ้นเมื่อใด อย่างไรก็ตามปัจจุบันการดำเนินการทั้งสองส่วนยังมีความราบรื่น และกลุ่มบริษัทมุ่งที่จะสื่อสารกับทางลูกค้าต่อไป เมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติม” นายเอกลาภ กล่าว
ทั้งนี้ ลูกค้าที่มีบัญชี Zip-up ในประเทศสิงคโปร์และในไทยที่ได้มีการฝากเงินใน Z Wallet ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.หรือจากนั้นเป็นต้นไป จะถือว่าเป็นเจ้าหนี้ของซิปเม็กซ์ที่ได้ดำเนินการในประเทศสิงคโปร์ ในขณะที่ลูกค้าออสเตรเลีย จะเป็นเจ้าหนี้ของซิปเม็กซ์ออสเตรเลีย ส่วนลูกค้าที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย ก็จะเป็นเจ้าหนี้ของซิปเม็กซ์ อินโดนีเซีย โดยการยื่นของพักชำระหนี้ที่ศาลของสิงคโปร์ จะส่งผลถึงทุกบริษัทในเครือ ซึ่งเจ้าหนี้ทุกรายสามารถเข้าถึงเงินได้ภายหลังจากการดำเนินการตามที่กล่าวมาข้างต้น
ส่วนการขอพักชำระหนี้มีผลถึงวันที่ 2 ธ.ค.65 โดยบริษัทฯ สามารถขยายระยะเวลาการพักชำระหนี้ออกไปเพิ่มเติมอีกได้เช่นเดียวกัน
นายเอกลาภ กล่าวว่า ภายหลังจากการระดมทุนเสร็จสิ้น บริษัทมีความตั้งใจที่จะกู้คืนสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด และจะมีการกลับมาเปิดให้บริการ Z Wallet และซิปแม็กซ์สิงคโปร์ ก็จะให้บริการ Zip Up plus โดยเร็วที่สุด ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงเร่งเจรจาข้อตกลงกับนักลงทุนให้สำเร็จอย่างเร็วที่สุด เพื่อเข้ามาร่วมกำหนดทิศทางของธุรกิจต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 65)
Tags: Zipmex, ซิปเม็กซ์, เอกลาภ ยิ้มวิไล