นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เข้าพบหารือกับน.ส.อิงกิเบิร์ก โอเลิฟ อิซัคเซน ประธานคณะกรรมาธิการสมาชิกรัฐสภาสมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป หรือ เอฟตา (European Free Trade Association Parliamentary Committee) เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมด้วยสมาชิกรัฐสภาจาก 4 ประเทศสมาชิกเอฟตา ประกอบด้วย สวิตเซอร์แลนด์, นอร์เวย์, ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์
ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสที่ผู้แทนสมาชิกรัฐสภาเอฟตา เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรก จึงได้มีการหารือแนวทางขยายความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกัน และมุ่งเน้นผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทย-เอฟตา ซึ่งได้เริ่มเจรจารอบแรก เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา และกำหนดเจรจารอบ 2 ในช่วงปลายเดือน ต.ค.นี้
นายสินิตย์ กล่าวว่า การหารือครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีความมุ่งมั่นที่จะสรุปผลการเจรจา FTA ไทย-เอฟตา ให้สำเร็จโดยเร็วภายใน 2 ปี ซึ่งจะเป็นความตกลง FTA ยุคใหม่ ครอบคลุมประเด็นที่ทันสมัย เพื่อให้ภาคเอกชนและประชาชนได้ประโยชน์จากข้อตกลงเปิดเสรี และลดอุปสรรคทางการค้าสินค้า บริการ และการลงทุนระหว่างกัน
ขณะเดียวกัน รวมไปถึงความร่วมมือด้านต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศไทย อาทิ การถ่ายทอดความรู้เชิงเทคนิคและเทคโนโลยี การส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และขนาดเล็ก (MSMEs) แนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 และการรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งสมาชิกรัฐสภาเอฟตาจะช่วยผลักดันและสื่อสารกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนให้การเจรจา FTA ไทย-เอฟตา สำเร็จตามที่ทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าหมายไว้
นายสินิตย์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงแนวทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ซึ่งได้ชวนให้เอฟตาขยายการค้าการลงทุนมายังไทย โดยเฉพาะสาขานวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทย ซึ่งเอฟตาสามารถใช้ไทยเป็นประตูการค้า (Gateway) สู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับฝ่ายเอฟตา เห็นว่าไทยเป็นตลาดและฐานการลงทุนที่มีศักยภาพ โดยมีโอกาสที่จะพัฒนาและขยายการค้าการลงทุนระหว่างกันต่อไปในอนาคต
สำหรับคณะกรรมาธิการสมาชิกรัฐสภาเอฟตา เป็นกลไกสำคัญของกลุ่มประเทศเอฟตา เปรียบเสมือนที่ปรึกษาด้านการเมืองและการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะประเทศที่เอฟตามีความตกลง FTA หรืออยู่ระหว่างเจรจาจัดทำ FTA
อนึ่ง ในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 65) การค้าระหว่างไทยและเอฟตา มีมูลค่า 6,087.16 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปเอฟตา มูลค่า 3,027.92 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ นาฬิกาและส่วนประกอบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และไทยนำเข้าจากเอฟตา มูลค่า 3,059.25 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ นาฬิกาและส่วนประกอบ และเนื้อสัตว์สำหรับการบริโภค
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ย. 65)
Tags: FTA, กระทรวงพาณิชย์, สินิตย์ เลิศไกร, เอฟตา