CH ปิดเทรดภาคเช้าที่ 4.58 บาท พุ่งขึ้น 95.73% จากราคา IPO

CH ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 4.58 บาท เพิ่มขึ้น 2.24 บาท (+95.73 %) จากราคา IPO 2.34 บาท มูลค่าซื้อขาย 3,676.30 ล้านบาท จากราคาเปิด 3.42 บาท ราคาสูงสุด 5.00 บาท ราคาต่ำสุด 3.14 บาท

นายศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจริญอุตสาหกรรม (CH) เปิดเผยว่า หุ้น CH เข้าเทรดวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ปรากฏว่าราคาเปิดที่ 3.42 บาท เพิ่มขึ้น 1.08 บาท หรือ 46.15% เมื่อเทียบกับราคา IPO ที่ 2.34 บาท สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ และนับเป็นก้าวย่างที่สำคัญของการเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ การระดมทุน และยกระดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ให้เป็นที่ยอมรับจากทั้งคู่ค้าในประเทศและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตที่ดีในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 เพิ่มขึ้นเป็น 1,700-1,800 ล้านบาท พร้อมอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5% โดยบริษัทจะเน้นการขยายตลาดกลุ่มรับจ้างผลิต (OEM) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลักถึง 60%

บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ (Healthy Food) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระยะยาว นอกเหนือจากการจัดจำหน่ายเองและรับจ้างการผลิต ทั้งเป็นการรักษาฐานลูกค้าเดิมและเพื่อเป็นการขยายฐานการผลิตและสร้างลูกค้าใหม่ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังถือเป็นการเพิ่มศักยภาพให้บริษัทฯ สามารถก้าวเป็นผู้นำด้าน INNOVATIVE HEALTHY FOOD ต่อไปในอนาคต

“บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการวิจัยและพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งของ บริษัทฯ ประกอบกับทีมงานที่มีคุณภาพ และศักยภาพ และประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ทำให้เชื่อว่า ต่อจากนี้บริษัทฯ ยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และในปีนี้คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้” นายศักดา กล่าว

ขณะที่ปี 66 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 10% โดยจะเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยเฉพาะในกลุ่มสหภาพยุโรป ที่บริษัทได้เตรียมที่จะเดินทางเข้าไปร่วมงานแสดงสินค้าในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในเดือน ต.ค. และในช่วงปลายเดือน พ.ย. เดินทางไปยังเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เนื่องจากบริษัทมีโรงงานอยู่ในประเทศกัมพูชาที่ได้ประโยชน์ทางด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในยุโรป

นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ราว 86 ล้านบาท เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการผลิต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพื้นที่การจัดเก็บ (Raw Material) สินค้ากึ่งสำเร็จรูป (Semi-Product) และสินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) สำหรับรองรับการขยายฐานการผลิตและรองรับการขยายตัวของธุรกิจต่อไปในอนาคต

ขณะเดียวกันยังมีเงินจากการระดมทุนที่เหลืออีก 268.36 ล้านยาท เพื่อที่จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนใยกิจการ ซึ่งจะช่วยหนุนให้ความสามารถในการทำกำไรปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ปรับตัวลดลงเหลือ 0.8 เท่า จากปัจจุบันอยู่กว่า 1 เท่า

ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเปิดซื้อขายหุ้นในวันแรกของ CH ในราคาเปิดเหนือจอง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของบริษัท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนในครั้งนี้ไปต่อยอดธุรกิจตามแผนที่กำหนดไว้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

“เนื่องจากบริษัทฯ มีความเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายผลไม้และอาหารแปรรูปมาอย่างยาวนานเกือบร้อยปี ทำให้ได้รับการยอมรับในวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อีกทั้งบริษัทยังมีผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นโดยการปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ และคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง” นายสมศักดิ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top