CH เปิดเทรดวันแรก 3.42 บาท สูงกว่า IPO 46.15%

CH เปิดเทรดวันแรกที่ 3.42 บาท เพิ่มขึ้น 1.08 บาท หรือ สูงขึ้น 46.15% จากราคา IPO ที่ 2.34 บาท

บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ประเมินราคาเหมาะสมในปี 2566 ของ บมจ.เจริญอุตสาหกรรม (CH) ราว 3.00 บาทต่อหุ้น ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี P/E Ratio โดยอิงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ของหุ้นกลุ่ม Food & Beverage ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ PER เฉลี่ยที่ 25.0 เท่า โดยเราประเมินกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 66 ที่ราว 0.12 บาทต่อหุ้น ได้ราคาเหมาะสมปี 66 ที่ 3.00 บาทต่อหุ้น และคาดหวังอัตราเงินปันผลที่ 1.7% ต่อปี (คำนวณโดยใช้ราคาเหมาะสม)

CH ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลไม้อบแห้ง ปลากระป๋อง และขนมเพื่อสุขภาพ โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือ ผลไม้อบแห้ง และปลากระป๋อง ซึ่งเน้นส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อินเดีย เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต และมาตรฐานด้านผลิตภัณฑ์ระดับสากล โดยจุดประสงค์ของการลงทุน เพื่อลงทุนปรับปรุงโรงงานผลิตสินค้า และก่อสร้างคลังสินค้าเพิ่มเติม ตลอดจนเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

คาดผลประกอบการปี 64 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 : ในปี 64 บริษัทมีรายได้ลดลง -12% เนื่องจากผลกระทบของ COVID-19 ส่งผลต่อจำนวนชั่วโมงการผลิตลดลงจากการที่พนักงานฝ่ายผลิตในโรงงานจะต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกัน COVID-19 สำหรับงวด 3M65 บริษัทมีรายได้จากการขาย เท่ากับ 395 ลบ. หรือ เติบโต 9.2%YoY สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้จากการขายผลไม้อบแห้ง และรายได้จากการขายปลากระป๋อง ที่ส่งออกไปต่างประเทศ ส่วนหนึ่งมาจากคำสั่งซื้อในช่วงปลายปี 2564 ที่ลูกค้าไม่สามารถจัดหาเรือและตู้คอนเทนเนอร์เพื่อมารับสินค้าได้ และได้มีการทยอยส่งในช่วงต้นปี 5

โดยปี 64 และ 3M65 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 67.1 ลบ. และ 8.0 ลบ. ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (%NPM) 4.5% และ 2.0% ตามลำดับ โดยกำไรสุทธิปี 64 ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ถึงแม้ว่ารายได้และอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลง แต่มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จำนวน 38.6 ลบ. และงวด 3M65 เติบโต 67.6%YoY จากรายได้และ %GPM ที่เพิ่มสูงขึ้น

ผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 65 และปี 66 คาดว่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง โดยมีสาเหตุหลักจาก 1) ตลาดผลไม้อบแห้งขยายตัวได้ดี จากพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ซึ่งมีการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบ 2) การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น Innovative Healthy Food 3) กำลังซื้อจากลูกค้าเดิมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่กลับมาหลังการเปิดประเทศ 4) มีแผนนำเงินจาก IPO ไปลงทุนปรับปรุงโรงงานผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตสินค้า 5) ผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับมาตรฐานสากล ได้แก่ GMP, HACCP, BRCGS, HALAL, KOSHER ซึ่งจะทำให้บริษัทเข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างประเทศได้หลากหลาย

เราประมาณการรายได้ปี 65-66 ราว 1,630.4 ล้านบาท และ 1,842.3 ล้านบาท เติบโต +13.0%YoY และ +13.0% พร้อมคาดกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ระกับ 82.0 ล้านบาท และ 96.6 ล้านบาท เติบโต +22.3%YoY และ +17.9% ตามลำดับ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top