ก้าวไกล เปิดตัวแคมเปญสู้เลือกตั้งใหญ่ “พิธา” ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ ทันสมัย

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญเลือกตั้งใหญ่ “เลือกตั้ง 2566 เปลี่ยนรัฐบาลไม่พอต้องเปลี่ยนประเทศ” ภายใต้คำขวัญ “ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า” ว่า การทำงานการเมืองของพรรคไม่ใช่การทำงานระยะสั้น หรือเป็นแค่การเข้ามาตัดผุ แต่พรรคหวังให้ประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง ทลายระบบรวมศูนย์ เพื่อให้ทุกคนเกิดความเท่าเทียมกัน

“เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้ และไม่ได้มาเล่นๆ ผมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน ไม่ว่าจะเลือกผมหรือไม่ ผมจะเป็นนายกฯ ที่ทันสมัย ทำให้ทุกคนเกิดความเท่าเทียม” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ได้ยกตัวอย่างเรื่องน้ำประปาดื่มได้ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐบาลจะต้องให้การดูแลให้กับประชาชน แต่กลับปล่อยปละละเลยให้น้ำดื่มมีคุณภาพต่ำ และเป็นภาระที่ประชาชนต้องจ่ายถึงปีละ 5 หมื่นล้านบาท ตามมาตรฐานน้ำประปาดื่มได้จะต้องมีแรงดันไม่ต่ำกว่า 10 เมตร หากต่ำกว่านั้นต้องดำเนินการแก้ไข แต่สิ่งที่เกิดในประเทศไทยคือมีระดับแรงดันต่ำแค่ 2 เมตร เนื่องจากกำหนดมาตรฐานไม่ให้เกิดปัญหาน้ำสูญเสียเกิน 35% เท่านั้น โดยไม่ได้คำนึงถึงคุณภาพน้ำ ซึ่งครั้งหนึ่งตนเคยเชิญชวนผู้ประกอบการต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์ แต่ได้รับคำตอบว่าคุณภาพน้ำในประเทศไทยไม่สะอาดเพียงพอที่จะใช้ในอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิกส์

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรค กล่าวว่า หากเรามีความฝันที่อยากเห็นรัฐบาลที่โปร่งใสก็ต้องมีการสร้างพรรคการเมืองที่ประชาชนให้การสนับสนุนและพร้อมรับการตรวจสอบจากประชาชน

ที่ผ่านมาพรรคได้จัดทำโครงการก้าวไกล Next เพื่อให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองของประชาชน โดยได้ข้อสรุปที่จะดำเนินการ 3 แนวทาง คือ 1.การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิดค้นนโยบาย โดยเปิดแพลตฟอร์มตลาดนัดนโยบายให้ทุกคนเข้ามาเสนอแนวคิดได้ ซึ่งหากมีผู้สนับสนุนก็จะนำไปสู่นโยบายพรรค 2.การเปิดช่องทางระดมทุนใหม่ โดยไม่ต้องอาศัยเงินสนับสนุนจากใครคนใดคนหนึ่ง แต่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนคนละเล็กคนละน้อย และ 3.การจัดทำสมุดปกส้มวิถีก้าวไกลให้ผู้ที่จะเข้ามาเป็นตัวแทนประชาชนได้บันทึกอุดมการณ์ของตัวเองไว้

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค กล่าวว่า ช่วง 8 ปีที่ผ่านมาการพัฒนาประเทศล้าหลัง รัฐบาลหลังการรัฐประหารเข้ามาสร้างระบบการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจและปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม ระบบราชการเป็นแบบอุปถัมภ์รับใช้เจ้านายไม่ได้รับใช้ประชาชน ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน การเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ขณะเดียวกันก็ปล่อยปละละเลยผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย แต่เราอย่าเพิ่งสิ้นหวังแล้วปล่อยให้ปัญหาเรื้อรังต่อไป ต้องลุกขึ้นมาช่วยกันเปลี่ยนแปลงการเมืองที่เห็นหัวประชาชน ต้องไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายรัฐธรรมนูญอีกต่อไป ปลดล็อกการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น การเลือกตั้งครั้งหน้าต้องเป็นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่างๆ ทั้งระบบเศรษฐกิจ ระบบการศึกษา ขอให้ประชาชนอย่ารอความเปลี่ยนแปลง แต่จงเป็นส่วนหนึ่งของมัน

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า จุดเริ่มทางการเมืองของพรรคอนาคตใหม่เมื่อปี 2561 และหลังเลือกตั้งปี 2562 ยังไม่สามารถเข้าไปเป็นรัฐบาล และต่อมาถูกยุบพรรค แต่พรรคยังเดินหน้าทำงานการเมืองในฐานะฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง จนสามารถผลักดันร่างกฎหมายได้ 2 เรื่อง คือ กฎหมายสมรสเท่าเทียม และกฎหมายสุราก้าวหน้า รวมไปถึงการอภิปรายงบประมาณ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่มีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น แม้จะไม่สามารถสู้เสียงโหวตในสภาได้ แต่สามารถปักธงทางความคิดให้กับสังคมได้ โดยไม่หวั่นเกรงต่อผู้มีอำนาจและอิทธิพล และยังมีกฎหมายอีกหลายเรื่องที่จะต้องช่วยกันผลักดันกันต่อไป ซึ่งหากพรรคได้เป็นรัฐบาลจะช่วยให้การผลักดันกฎหมายเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่ ไม่ถูกปัดตกเหมือนที่ผ่านมา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top