นางเจเนต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะชะลอตัวลงอีก แต่ก็เตือนว่ายังมีความไม่แน่นอนอยู่
นางเยลเลนกล่าวถึงความสำเร็จทางเศรษฐกิจที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ทำในช่วง 2 ปีแรกของการรับตำแหน่งว่า “ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลง 80 วันติดต่อกันแล้ว ซึ่งเป็นข่าวดีอย่างแน่นอน การชะลอตัวของราคาน้ำมันเบนซินทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงในเดือนก.ค. และดิฉันคิดว่าตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนส.ค.จะชะลอตัวลงอีก อย่างไรก็ดี สถานการณ์ทั่วโลกยังคงเผชิญกับความไม่นอนอีกมาก ซึ่งความไม่แน่นอนเหล่านี้เกี่ยวกับกับรัสเซีย”
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น 8.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.7% หลังจากพุ่งแตะระดับ 9.1% ในเดือนมิ.ย.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี
สำหรับดัชนี CPI ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐนั้น จะมีการเปิดเผยในวันอังคารที่ 13 ก.ย.นี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า วิกฤตเงินเฟ้อถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคณะบริหารของปธน.ไบเดน เนื่องจากพรรคเดโมแครตต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมของสภาคองเกรสในเดือนพ.ย.นี้
ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กำลังใช้มาตรการต่าง ๆ และมีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่ดิฉันไม่ต้องการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าเงินเฟ้อจะเป็นอย่างไรในปีหน้า”
ที่ผ่านมานั้น นางเยลเลนเชื่อมั่นว่าเฟดจะสามารถรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อได้ และยังกล่าวด้วยว่าขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นวงกว้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 65)
Tags: ดัชนีราคาผู้บริโภค, ธนาคารกลางสหรัฐ, สหรัฐ, อัตราเงินเฟ้อ, เจเนต เยลเลน, เฟด, โจ ไบเดน