มรสุมชีวิตยังคงถาโถมสู่ BITKUB อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการล้มดีลของ บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) ตามมาด้วยยักษ์ใหญ่อย่าง SCB ประกาศล้มดีลซื้อหุ้นกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท ล่าสุดผู้บริหารระดับสูงถูก ก.ล.ต.ลงดาบกรณี Insider Trading ขณะที่ยังมีประเด็นค้างคาเกี่ยวกับอนาคตของเหรียญ KUB ที่ต้องชี้แจงเพิ่มเติมกับ ก.ล.ต.เกี่ยวกับการนำเหรียญเข้าลิสต์ในกระดาน ท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันในตลาดผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยที่อาจดุเดือดมากขึ้นจากการเข้ามาของ Binance
อนาคตของ BITKUB จะเป็นอย่างไร !? วันนี้ Crypto INSIGHT จะพาคุณผู้ชมมาพูดคุยกับนายนเรศ เหล่าพรรณราย เลขาธิการสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ที่จะมาช่วยแชร์มุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาด Exchange ไทยที่น่าสนใจ
ก้าวต่อไปของ BITKUB กับอนาคตเหรียญ KUB!?
นายนเรศ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิด Hearing หลักเกณฑ์กำกับดูแลการซื้อ ขาย ครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัล ของผู้บริหารองค์กรที่เป็นผู้ออกเหรียญ คาดว่าจะมีการประกาศบังคับใช้อย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้ โดยสาระสำคัญ คือ จะต้องรายงานการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามเกณฑ์ที่คล้ายคลึงกับกรณีของการถือครองหุ้นของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน รวมถึงการออกข่าวที่อาจมีผลต่อราคาเหรียญในกระดาน
และจากกรณีที่ผู้บริหารองค์กรที่ประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดนลงโทษทางแพ่งจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในกรณีการซื้อขายสินทรัพย์โดยใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) ทางสำนักงาน ก.ล.ต. ถือว่ามีความผิด จนเป็นเหตุให้มีการปรับและบทลงโทษตามมา ส่วนจะกระทบกับโปรเจ็คต์ต่าง ๆ ของ BITKUB หรือไม่คงต้องติดตามดูต่อไปว่าการส่งผ่านงานต่าง ๆ เป็นไปโดยราบรื่นหรือไม่
ขณะที่ปัจจัยหลักของราคาเหรียญอยู่ที่พื้นฐานขององค์กร ความต้องการของตลาด และการนำมาใช้งาน เหรียญแต่ละเหรียญมีการพัฒนา เพื่อนำไปเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนสำคัญของบล็อกเชนและแพลตฟอร์มของโปรเจกต์ต่าง ๆ (Native Token) เช่น การนำมาใช้เป็นค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม (ค่าแก๊ส) นำมา Staking เพื่อทำงานเป็น Node Validator
นายนเรศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง BITKUB ได้ออกโปรเจ็คต์ใหม่ และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของเกมส์ และ Metaverse Project ขณะที่โปรเจ็คต์ต่าง ๆ มีดำเนินอยู่ก็ยังคงมีผู้ใช้งาน ถึงแม้ราคาเหรียญ KUB จะร่วงลงอย่างรุนแรงจากกระแสข่าวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น แต่แนะนำให้นักลงทุนมองถึงคุณลักษณะของเหรียญเป็นหลัก โดยเฉพาะปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจเป็นสำคัญว่าเหรียญนั้น ๆ ยังมีการนำไปใช้งานได้ต่อหรือไม่
สำหรับภาพรวมราคาเหรียญในช่วงตลาดขาลง (Bear Market) นักลงทุนควรคำนึงถึงภาวะตลาดโดยรวมประกอบกับปัจจัยพื้นฐาน โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณชัดเจนว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุมเงินเฟ้อให้ได้ แม้ว่าอาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้น การที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล (Cryptocurrency) จะกลับมาตื่นเต้นและทำกำไรในระยะสั้นยังคงเป็นเรื่องยาก
และ อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตา คือ “เกณฑ์การออกโทเคน” ในกรณีเหรียญ KUB ซึ่งออกโดย BITKUB และลิสต์ขึ้นบนกระดานเทรดของตัวเอง อาจขัดต่อหลักเกณฑ์ในเรื่องของความโปร่งใส ซึ่งทางสำนักงาน ก.ล.ต. ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาและประสานงานกับทาง BITKUB เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว
Exchange เมืองไทยใครจะได้เป็นเบอร์ 1!?
ขณะที่ Crypto Exchange ของไทยหลายเจ้าเริ่มมีประเด็นร้อน ทั้งกรณีของ Zipmex และล่าสุดเกิดประเด็นของ BITKUB นั้น ยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง Binance ก็เตรียมจ่อแข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยอย่างเป็นทางการ ด้วยการสนับสนุนของพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ภายใต้ กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด (Gulf Binance) และ กลุ่มเอสซีบีเอ็กซ์ ก็จะทำ Exchange เอง ก็จะทำให้การแข่งขันในธุรกิจนี้เพิ่มขึ้น
นายนเรศ เชื่อว่า สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะทำให้เกิด Price War ในวงการผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมการเทรด เนื่องจากการให้บริการของแต่ละเจ้าถือว่าใกล้เคียงกัน หรือแทบจะเหมือนกัน แม้อาจจะมี Feature หลากหลายที่ออกมานำเสนอจูงใจเหล่าบรรดานักเทรดแต่อาจจะยังติดข้อกฎหมายในประเทศไทย อย่างเช่นการเทรด Futures สินทรัพย์ดิจิทัล จึงหนีไม่พ้นต้องมาสู้กันที่ค่าบริการ
อย่างไรก็ตาม หากมีการแข่งขันด้านราคาเกิดขึ้น ผลประโยชน์สูงสุดย่อมตกเป็นของผู้ให้บริการเจ้าที่ให้บริการได้ดีกว่า ใช้งานได้ง่ายกว่า มีสภาพคล่องมากกว่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 65)
Tags: Crypto Insight, Cryptocurrency, SCOOP, คริปโทเคอร์เรนซี, นเรศ เหล่าพรรณราย, สินทรัพย์ดิจิทัล