รมว.ท่องเที่ยว คาดสรุปผลศึกษาค่าเหยียบแผ่นดินปลาย ก.ย.เริ่มเก็บต้นปี 66

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยผ่านรายการโทรทัศน์เช้านี้ว่า การเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยอยู่ระหว่างการศึกษาของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยในส่วนแรก คือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้มมาทางอากาศเสร็จสิ้นลงแล้ว ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาทางบกอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าการศึกษาทั้งหมดจะแล้วเสร็จประมาณสิ้นเดือนก.ย. จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์ คาดว่าจะสามารถเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมได้ราวต้นปี 66

สำหรับอัตราการจัดเก็บของผู้เดินทางเข้ามาทางอากาศคาดว่าจะอยู่ที่ราว 300 บาท/คน แต่ผู้ที่เดินทางเข้ามาทางบกน่าจะต่ำกว่านั้น และผู้ที่เดินทางเข้ามาแบบไปเช้า-เย็นกลับจะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม

“เราจะเก็บค่าเหยียบแผ่นดินทั้งทางบกและทางอากาศในเวลาเดียวกัน โดยจากการสำรวจและทำประชาพิจารณ์ของมหาวิทยาลัยนเรศวร ระบุว่าคนที่เดินทางเข้ามาทางบก จะดูความเหมาะสม ซึ่งเชื่อว่าไม่ถึง 300 บาท เพราะเขาอาจเดินทางเข้ามาเพียง 2-3 วัน ค่าความเสี่ยงก็มีน้อย ต้องเข้าใจว่าเงินที่เราเก็บเข้ามาเราไม่ได้เอาไปใช้ทั้งหมด ต้องเอามาซื้อประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิตด้วย ดังนั้น ยังไงก็ต้องเก็บเพราะไม่มีกองทุน ส่วนเรื่องรายละเอียดของค่าธรรมเนียมยังอยู่ระหว่างการศึกษา ก็คือไม่ได้มี 300 บาทเพียงเรทเดียว”

นายพิพัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ การเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้มี พ.ร.บ.ออกมาตั้งแต่ปี 62 เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดูแลนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการประกันอุบัติเหตุ และการดูแลด้านอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลของรัฐเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดูแลส่วนนี้ เพราะไม่เช่นนั้นก็ต้องนำเงินภาษีของคนไทยไปใช้

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในปี 60-62 ที่มีการเก็บสถิติ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปใช้บริการ ทั้งอุบัติเหตุและเจ็บป่วยในสถานพยาบาลของรัฐ ไทยต้องใช้งบประมาณกลางในการดูแลประมาณ 300-400 ล้านทุกปี

“ต้องเข้าใจว่าเงินที่เราเก็บเข้ามาเราไม่ได้เอาไปใช้ทั้งหมด ต้องเอามาซื้อประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิตด้วย ดังนั้น ยังไงก็ต้องเก็บเพราะไม่มีกองทุน ส่วนเรื่องรายละเอียดของค่าธรรมเนียมยังอยู่ระหว่างการศึกษา หรือก็คือไม่ได้มี 300 บาทเพียงเรทเดียว”

นายพิพัฒน์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ส.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top