หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตาม Sentiment ตลาดหุ้นโลก หลังเฟดส่งสัญญาณเร่งขึ้น ดบ.สกัดเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก รับ Sentiment จากผลประชุมเฟดที่ส่งสัญญาณคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่งผลให้น่าจะมีแรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติออกมา ประกอบกับค่าเงินบาทก็ปรับตัวอ่อนค่าในรอบ 1 เดือนด้วย ให้แนวรับไว้ที่ 1,612-1,624 จุด และแนวต้าน 1,646-1,650 จุด

นายกิตติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง เป็นไปตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวลงมาแรง หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีการส่งสัญญาณภายหลังการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็กสัน โฮลว่า เฟดยังคุ้มเข้มนโยบายการเงิน เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.75% ในเดือนก.ย.นี้ จากก่อนหน้านี้มอง 0.50% จึงกดดันตลาดหุ้นในภาพรวม

ขณะเดียวกัน แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นวันนี้ 0.5% แต่คงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานได้ไม่มากนัก รวมถึงค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าในรอบ 1 เดือน ส่งผลให้แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติต่อตลาดหุ้นไทยน้อยลง ขณะเดียวกันน่าจะมีแรงขายเพื่อทำกำไรออกมา

ทั้งนี้แนะนักลงทุนเลี่ยงลงทุนในหุ้นที่จะได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น ส่วนหุ้นพักเงิน หรือหุ้นกลุ่มปลอดภัย ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์, ส่งออกอาหาร, โรงแรม, สื่อสาร, โรงพยาบาล เป็นต้น

ให้แนวรับไว้ที่ 1,612-1,624 จุด และแนวต้าน 1,646-1,650 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด 32,283.40 จุด ร่วงลง 1,008.38 จุด หรือ -3.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,057.66 จุด ร่วงลง 141.46 จุด หรือ -3.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,141.71 จุด ร่วงลง 497.56 จุด หรือ -3.94%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,161.06 จุด ร่วงลง 480.32 จุด หรือ -1.67%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 19,960.29 จุด ลดลง 209.75 จุด หรือ 1.04% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,203.10 จุด ลดลง 33.12 จุด หรือ -1.02%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ส.ค.65.) ที่ระดับ 1,644.78 จุด เพิ่มขึ้น 1.26 จุด, +0.08%
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 720.79 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ส.ค.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.(26 ส.ค.) เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 93.06 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 2.9% ในรอบสัปดาห์นี้
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ส.ค.) อยู่ที่ 11.33 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 36.30 อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค หลังเฟดส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
  • แบงก์ชาติจับมือ สศค. ยกร่างพระราชกฤษฎีกาคุมธุรกิจ “เช่าซื้อ-ลีสซิ่ง” รถยนต์และรถจักรยานยนต์ ต้นตอสำคัญ “หนี้ครัวเรือน” มูลหนี้คงค้าง 1.8 ล้านล้านบาท เพิ่มอำนาจ ธปท.เข้ากำกับ “น็อนแบงก์-บริษัทลีสซิ่งค่ายรถ-ดีลเลอร์มอ’ไซค์ที่ให้บริการเช่าซื้อ” ปิดช่องโหว่ไร้หน่วยงานกำกับ เข้มเปิดเผยข้อมูลอัตราดอกเบี้ย-ค่าบริการ พร้อมรายงานฐานะการเงิน ฝ่าฝืนเจอโทษปรับและจำคุก “ฐิติกร” เจ้าตลาดเช่าซื้อมอ’ไซค์ หวั่นรายเล็กเจอกฎเหล็กไปไม่รอด
  • สภาพัฒน์ขอความร่วมมือแบงก์ตรึงดอกเบี้ยเงินกู้รอเศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแรงขึ้น ห่วงครัวเรือนเปราะบางเสี่ยงเป็นหนี้เสียพุ่ง เหตุเจอผลกระทบค่าครองชีพ-ดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่หนี้ครัวเรือนล่าสุดยังอยู่ระดับสูง สิ้นไตรมาสแรกปี’65 อยู่ที่ 89.2% เหตุครัวเรือนขาดสภาพคล่อง แห่ขอสินเชื่ออุปโภคบริโภคเพิ่ม ด้านอัตราการว่างงานลดต่ำที่สุดตั้งแต่เกิดโควิด-19
  • “คลัง” เดินหน้าเกลี่ยหนี้ ม.28 แจงรัฐตั้งงบชดเชยแล้ว 1.04 แสนล้านบาท พร้อมบี้หน่วยงานเร่งปิดโครงการส่งตัวเลขคืน มั่นใจสิ้น ก.ย. เหลือต่ำกว่าเพดาน 35% แน่นอน ลุ้นปิดหีบปีงบ 65 จัดเก็บเกินเป้าหมาย 4-6 หมื่นล้านบาท
  • “บิ๊กป้อม” นั่งหัวโต๊ะ ครม.ครั้งแรก 30 ส.ค.นี้ จับตา “บิ๊กตู่” เข้าร่วมด้วย “อนุทิน” เผยยังไม่มีสัญญาณปรับ ครม. ทำงานยังไม่สะดุด “องอาจ” เชื่อรัฐบาลอยู่ครบวาระ รอกระชับอำนาจให้เรียบร้อย

หุ้นเด่นวันนี้

  • NER (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 6.20 บาท ประเมินยอดขายนับตั้งแต่ ไตรมาส 3/65 ฟื้น หนุนด้วย Demand การใช้ยางรถยนต์ จักรยานยนต์ในจีน เครื่องบิน (จีนกำลังกระตุ้นเศรษฐกิจ) และทั่วโลกกำลังฟื้นตัวหลังโควิด-19 และการเปิดประเทศได้รับ Sentiment เชิงบวกจากราคายางพารา Future (TOCOM) ปรับตัวขึ้นมาที่ระดับ 228 JPY/KG ฟื้นตัว +6.5% จากจุดต่ำสุดในเดือน ส.ค. นอกจากนั้น NER จะเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจแผ่นยางรองนอนวัวนับตั้งแต่ไตรมาส 3/65 Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 1.99 พัน ลบ. และ 2.15 พัน ลบ. +7.67%YoY, +8%YoY ตามลำดับ
  • ADVANC (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 248 บาท ผลประกอบการยังแข็งแกร่ง Net add มีสัญญาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากโดยเฉพาะกลุ่ม Prepaid ซึ่งได้ผลบวกจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นราคาหุ้นที่ลดลงจึงเป็นโอกาสเข้าซื้อ
  • CPALL (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 74.00 บาท สำหรับแนวโน้มของ ไตรมาสที่ 3/65 เบื้องต้น เรามองว่าการดำเนินงานจะฟื้นตัวได้ดี YoY จากฐานที่ต่ำในช่วง 3Q64 และ ตามจำนวน Traffic คนเดินทางประจำวัน/ เดินทางข้ามจังหวัดที่ฟื้นตัวในภาพ YoY จากการล็อกดาวน์เป็นระยะๆในปีก่อนโดยเฉพาะ 7-11 ที่มีสาขาตามปั๊มอยู่ถึงราว 15% และบริเวณ กทม. ราว 43% ด้านฝั่ง Makro-Lotus เราคาดว่าการฟื้นตัวดีจะมาจากรายได้ค่าเช่า และกลุ่มลูกค้า HoReCa(Hotels/Restaurants/Cafe-Catering) ที่คาดว่าจะเห็นการกลับมาพร้อมกับกิจกรรมต่างๆที่กลับสู่ปกติหลัง Covid-19 ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิของปี65 และ 66 อยู่ที่ 15,554 ลบ.(+19.78%YoY) และ 20,827 ลบ.(+33.90%YoY) ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ส.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top