รมว.คลัง เผยท่องเที่ยว-ส่งออกหนุน GDP H2/65 โต 3-3.5%, ปมนายกฯ 8 ปีไม่กระทบศก.

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 65 มีโอกาสขยายตัวได้ 3-3.5% โดยได้รับแรงสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 8-10 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ก่อนช่วงโควิด-19 และการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งได้หารือกับสภาผู้ส่งออก โดยขอให้เร่งการส่งออกปีนี้ให้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากเป้าหมาย 7% ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวแล้ว 12% ถือเป็นการขยายตัวที่ดีจากปีที่ผ่านมาที่ขยายตัวได้ 20%

“เงินบาทที่อ่อนค่าลงพอสมควรเมื่อเทียบกับปี 63-64 จะเป็นประโยชน์ให้กับภาคอุตสาหกรรมส่งออก รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกยังมีความไม่แน่นอนสูง จึงยังมีความต้องการสินค้าของไทย โดยเฉพาะในหมวดอาหาร และสินค้าเกษตร ที่ยังเป็นโอกาสในการส่งออก” รมว.คลัง กล่าว

นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงสนับสนุนจากการบริโภคภายในประเทศ แม้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับเพิ่มสูงสุดในไตรมาส 3/65 และเริ่มชะลอลงในปี 66 ซึ่งจะกระทบกับการใช้จ่าย แต่รัฐบาลก็ได้ออกมาตรการสนับสนุนกำลัง เช่น มาตรการคนละครึ่ง เฟส 5 แม้จำนวนเงินจะไม่มาก แต่เชื่อว่าจะช่วยเหลือเศรษฐกิจระดับฐานล่างได้ประโยชน์อย่างมาก และมีการกระตุ้นใช้งบประมาณได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

ทั้งนี้ กลุ่มคนรายได้น้อยคือกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิดมากที่สุด ดังนั้น รัฐจึงออกมาตรการช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือด้านราคาแก๊สหุงต้ม ก๊าซเอ็นจีวี และน้ำมันดีเซล รวมถึงการลดราคาค่าไฟฟ้า ในส่วนของภาคธุรกิจ ก็มีมาตรการช่วยในการจัดโครงสร้างหนี้ ประนอมหนี้ การออกเงินกู้พิเศษเป็นต้น

อีกทั้งยังมีปัจจัยภายในประเทศ ทั้งด้านการลงทุน ซึ่งในส่วนของการลงทุนภาครัฐ จะเร่งรัดการเบิกจ่ายในไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 66 ไตรมาสแรก ที่ผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร และเตรียมส่งเข้าสู่การพิจารณาชั้นวุฒิสภาในวันที่ 29 ส.ค.65 ซึ่งจะเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค.65 โดยจะเร่งรัดโครงการขนาดเล็กให้เตรียมตัวประกวดราคาก่อนวันที่ 1 ต.ค.65 ซึ่งเมื่องบประมาณผ่าน ก็จะสามารถเบิกจ่ายรับเงินงวดได้ทันที

ที่ผ่านมา กรมบัญชีกลางได้มีมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมการสร้าง โดยระเบียบการจัดซื้อจัดจ้าง การยกเลิกเบี้ยปรับ และขยายเวลาให้โครงการลงทุนที่ติดขัดไม่สามารถลงทุนได้ในช่วงโควิด-19 เพื่อให้ผู้รับเหมาได้มีการเตรียมตัว สำหรับโครงการลงทุนภาครัฐต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งตามปกติงบประมาณจะมีเม็ดเงินในโครงการลงทุน คิดเป็น 1 ใน 4 ของแต่ละไตรมาส แต่ที่ผ่านมา ช่วงไตรมาส 1 ของทุกปีงบประมาณจะใช้ไม่ค่อยทัน

รมว.คลัง กล่าวด้วยว่า กระทรวงการคลังไม่ห่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ว่าหลายประเทศในโลกจะมีความกังวลเรื่องนี้ แต่ไทยก็ยังมีการค้าและการลงทุนกับประเทศในภูมิภาค จากการทำข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศไทยในภูมิภาค ซึ่งจะเป็นเกราะกำบังต่อผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก โดยแต่ละประเทศก็สนับสนุนให้เกิดการค้าและการลงทุนเต็มที่ มีมาตรการจูงใจแตกต่างกัน ในส่วนของไทย ก็มีจุดแข็งในเรื่องความสะดวกสบายและโครงสร้างพื้นฐานที่จะจูงใจนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น

นายอาคม กล่าวถึงกรณีการครบวาระ 8 ปี ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ไม่กังวลว่าจะมีกระทบต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากการลงทุนในโครงการต่าง ๆ มีข้อผูกพันอยู่แล้ว เรื่องเศรษฐกิจก็ดำเนินการตามนโยบายที่รัฐบาลวางไว้ ดังนั้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป เชื่อว่าจะยังมีเสถียรภาพ

รมว.คลัง กล่าวว่า ถึงแม้ประเทศไทยจะประสบกับปัญหาจากโควิด-19 มาเป็นเวลา 2 ปี แต่เศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งและมีแนวโน้มในทางที่ดียิ่งขึ้น โดยในอนาคต ประเทศไทยหลังจากวิกฤติโควิด จะพุ่งเป้าไปที่การปรับเปลี่ยนทางเศรษฐกิจไปสู่ความยั่งยืนมากขึ้น เน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นศูนย์ภายในปี 2608 เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต รัฐบาลได้เน้นไปยังการสนับสนุนการลงทุนในการก่อสร้างขนาดใหญ่ ภาคแรงงาน และนวัตกรรมใหม่ๆ ส่งเสริมภาคเกษตรกรรมและอุตสาหกรรม รวมถึงช่วยเหลือ SME กลุ่ม start up และรากหญ้า

พร้อมมั่นใจว่าในปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาอย่างแน่นอน โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.5% พร้อมย้ำว่าการเก็บภาษีในปีนี้จะสามารถทำได้ตามเป้าที่ตั้งไว้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ส.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top