ครม. ไฟเขียวไทยเสนอเป็นเจ้าภาพจัดประชุมมรดกโลก ครั้งที่ 46 วงเงิน 350 ลบ.

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 พร้อมเห็นชอบกรอบวงเงินในการจัดประชุม จำนวน 350 ล้านบาท โดยมอบหมายให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ลงนามในหนังสือแจ้งความประสงค์ในการเสนอเป็นเจ้าภาพการประชุมฯ ครั้งที่ 46 ถึงศูนย์มรดกโลก

ทั้งนี้ หากไทยได้รับการคัดเลือกเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ครม.เห็นชอบให้เอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นผู้ลงนามในเอกสารเพื่อจัดทำความตกลงประเทศเจ้าบ้าน (Host Country Agreement : HCA) ร่วมกับผู้แทนจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(UNESCO) โดยการพิจารณาการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 จะมีการพิจารณาในการประชุมฯ ครั้งที่ 45 ซึ่งเดิมกำหนดจัดการประชุมระหว่างวันที่ 19-30 มิถุนายน 2565 ณ เมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย แต่เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ประธานกรรมการมรดกโลกได้มีหนังสือแจ้งรัฐภาคีว่า ให้เลื่อนการจัดประชุมครั้งที่ 45 ออกไปก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดช่วงเวลาการจัดประชุมฯครั้งที่ 45 แต่ยังคงอยู่ในช่วงปี 2565

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ตามแผนงานที่กำหนดไว้ หากไทยได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 46 จะจัดประชุมในช่วงเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2566 เบื้องต้นคาดว่าจะจัดการประชุมฯ ที่กรุงเทพมหานคร

“การจัดประชุมครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะการเป็นผู้นำในการดำเนินการภายใต้กรอบการดำเนินงานของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกฯ รวมถึงจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์ความรู้ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงโครงการ กิจกรรม และข้อริเริ่มใหม่ๆ ที่จะนำไปสู่การต่อยอดและขยายความร่วมมือ รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ในการดำเนินงานและความร่วมมือกับองค์กรและนานาชาติต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

พร้อมระบุว่า นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างและขยายโอกาสในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประเทศ ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด -19 โดยจากข้อมูลสถิติในการจัดการประชุมที่ผ่านมา ในการประชุมฯ ครั้งที่ 40-43 มีผู้เข้าร่วมประชุมครั้งละไม่ต่ำกว่า 2,300 คน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต้อนรับผู้มาเยือน และมีเม็ดเงินหมุนเวียนจากการใช้จ่ายในด้านต่างๆ ทั้งในการเดินทาง ที่พัก การท่องเที่ยว และค่าใช้จ่ายทั่วไป

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ส.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top