นางตาน หวัง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ธนาคารฮั่งเส็งเปิดเผยว่า ขณะนี้ จีนกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนที่รุนแรง ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ นางหวังกล่าวในรายการ Squawk Box Asia ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีว่า “สถานการณ์คลื่นความร้อนในปัจจุบันค่อนข้างเลวร้าย และอาจเป็นเช่นนี้ไปอีก 2-3 เดือน”
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนครั้งรุนแรงที่สุดและต้องรับมือกับสถานการณ์ขาดแคลนไฟฟ้าในพื้นที่บริเวณแม่น้ำแยงซี โดยอุณภูมิที่สูงผิดปกติได้รบกวนการเติบโตของพืชผลและเป็นภัยต่อปศุสัตว์
“สถานการณ์ดังกล่าวจะกระทบต่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังเศรษฐกิจและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก” นางหวังกล่าว พร้อมชี้ว่า “เราเห็นการชะลอตัวของการผลิตในอุตสาหกรรมเหล็กกล้า อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมปุ๋ย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคการก่อสร้าง กสิกรรม และการผลิตโดยทั่วไป”
“ภาวะขาดแคลนพลังงานในปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการเติบโตของจีดีพีจีนประมาณ 0.6% แต่ในปีนี้เราคิดว่าตัวเลขจะสูงกว่านั้นมาก ดิฉันคิดว่าปัญหาดังกล่าวจะทำให้จีดีพีจีนเติบโตลดลง 1.5% โดยขณะนี้เราคาดการณ์ว่าจีดีพีจะขยายตัว 4% สำหรับปี 2565 แต่หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป จีดีพีอาจโตต่ำกว่า 3%” นางหวังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ส.ค. 65)
Tags: คลื่นความร้อน, ตาน หวัง, ธนาคารฮั่งเส็ง