นายสุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์ (ASIMAR) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจของ ASIMAR ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ยังคงยึดตามเป้าหมายเดิม รายได้เติบโต 10% จากปีก่อน โดยทีมบริหารยังคงมุ่งมั่นสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯ เดินหน้าเร่งประมูลงานใหม่ทั้งงานราชการและเอกชน เพื่อเสริมแกร่งงานในมือที่ปัจจุบันมีอยู่ราว 150 ล้านบาท
แม้ในช่วงต้นปี ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ตลาดแรงงานที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ยังไม่สามารถนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายได้ กระทบต่อบริษัทฯ ที่ยังต้องใช้แรงงานฝีมือในการซ่อมเรือและต่อเรือ ส่งผลให้แนวโน้มต้นทุนค่าแรงสูงขึ้น จากการขาดแคลนกำลังพล และต้องจ้างผู้รับเหมาเพิ่ม รวมทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเหล็กแผ่น และเหล็กรูปพรรณ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการซ่อมเรือและต่อเรือ อย่างไรก็ดี บริษัทฯ จึงระมัดระวังในการบริหารจัดการ เพื่อยังความสามารถในการทำกำไรในไตรมาส 2 ให้ฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/65 มีรายได้รวม 177 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากงานซ่อมเรือ 126 ล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 20% โดยงานซ่อมเรือที่สาขาสมุทรปราการ สามารถรับงานได้เพิ่มมากขึ้น มูลค่าซ่อมต่อลำสูงขึ้น รวมทั้งมีเรือราชการหลายลำในไตรมาสนี้ ส่วนสาขาสุราษฎร์ธานีได้รับเรือราชการมูลค่าซ่อมสูงหลายลำ ส่งผลให้รายได้จากเรือซ่อมเพิ่มมากขึ้น และมีรายได้จากงานต่อเรือ 46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 269% เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ของโครงการต่อเรือลากจูงของกองทัพเรือ ถึง 43%
ขณะที่ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10.53 ล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/64 (YoY) จากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการรับจ้าง ตามปัจจัยที่กล่าวในข้างต้น แต่เติบโตขึ้น 202% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/65 (QoQ) ถือเป็นการพลิกทำกำไรจากขาดทุนที่ (10.27) ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดการณ์เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้น การบริโภคภาคเอกชนก็มีแนวโน้มฟื้นตัวดี การท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ รวมถึงการใช้น้ำมันกลับมาเป็นที่ต้องการหลังจากเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้การขนส่งระหว่างประเทศ ทั้งการนำเข้าและส่งออก กลับมาคึกคัก ส่งผลดีกับลูกค้าของบริษัทฯ ที่เป็นเจ้าของเรือมีรายได้อย่างต่อเนื่องและสามารถนำเรือเข้าซ่อมตามแผนที่เคยกำหนดไว้หลังจากบางรายเลื่อนกำหนดการซ่อมในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัท เจนเนอรัล มารีน จำกัด (บริษัทย่อย) ได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ฟิวเจอร์ พาวเวอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด เพื่อเตรียมพร้อมในการขยายธุรกิจ โดยจะดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร แบรนด์ชั้นนำจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นการต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 ซึ่งจะสนับสนุนรายได้ของ ASIMAR ให้เติบโตแข็งแกร่งในอีกขาธุรกิจ
ขณะที่ บริษัท อีโคมารีน จำกัด (บริษัทย่อย) ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ส่งผลิตภัณฑ์ไบโอคิว (bioQ) พร้อมรุกตลาดโรงงานอุตสาหกรรม สนับสนุนให้ทุกโรงงานของประเทศไทย ก้าวสู่อุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) เนื่องด้วยรัฐบาลตั้งเป้าภายในปี 68 โรงงานอุตสาหกรรมทุกโรงต้องได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวทั้งหมด โดยมุ่งเน้นให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพ การใช้ทรัพยากรและการใช้เทคโนโลยีและพัฒนาให้เกิดกระบวนการทางอุตสาหกรรมที่สะอาด และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากนี้ ทาง bioQ ได้เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ณ ร้าน Organic เป็นร้านที่จำหน่ายเฉพาะผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติภายในประเทศ ตั้งแต่อาหารออร์แกนิก ชาออร์แกนิก ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ของใช้ในครัวเรือน และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงจากกว่า 200 แบรนด์ ตั้งอยู่ที่ ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร โดยมีวางจำหน่ายทั้งขนาด 500ml และ 1000ml
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 65)
Tags: ASIMAR, สุรเดช ตัณฑ์ไพบูลย์, หุ้นไทย, เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์