ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 ก.ค. โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีความมุ่งมั่นที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงที่สุดเท่าที่จำเป็น จนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ แต่ในขณะเดียวกัน เฟดก็ส่งสัญญาณว่าอาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดตระหนักว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในขณะนี้มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง
รายงานการประชุมซึ่งเผยแพร่ในวันพุธ (17 ส.ค.) ตามเวลาสหรัฐระบุว่า กรรมการเฟดพบหลักฐานเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่บ่งชี้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มลดน้อยลง อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดมองว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาคส่วนเหล่านี้ลดการใช้จ่ายและอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
“แต่ถึงกระนั้นก็ตาม กรรมการเฟดย้ำว่า การชะลอตัวของอุปสงค์มีบทบาทสำคัญต่อการลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ”
รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า แม้ปัญหาเงินเฟ้อเป็นประเด็นหลักที่สร้างความกังวล แต่เฟดเล็งเห็นว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่กรรมการเฟดจะอภิปรายกันในช่วงหลายเดือนข้างหน้าว่า ควรจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด และทำอย่างไรจึงจะรู้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมานั้นสามารถสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อได้อย่างเป็นรูปธรรม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีแนวโน้มว่าเฟดอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า หลังจากรายงานการประชุมเฟดระบุว่า “เมื่อพิจารณาถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการประเมินว่า การดำเนินนโยบายคุมเข้มด้านการเงินส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไร เฟดจึงมองว่า อาจเป็นเรื่องเหมาะสมที่จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยอาจจะปรับขึ้น 0.50% หรืออาจปรับขึ้นเพียง 0.25% จากที่เคยปรับขึ้นรุนแรงถึง 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย.และก.ค.
สำหรับการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 26-27 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน และถือเป็นการดำเนินการที่เข้มงวดที่สุดนับตั้งแต่ที่เฟดกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นเครื่องมือสำคัญด้านนโยบายการเงินในช่วงทศวรรษ 1990 ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 2.25-2.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2561
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 65)
Tags: Fed, ดอกเบี้ยนโยบาย, ธนาคารกลางสหรัฐ