นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้และกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ปีนี้จะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ จากครึ่งปีแรกมีรายได้อยู่ที่ 3,029 ล้านเหรียญฯ เติบโตเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 1,543 ล้านเหรียญฯ เติบโตเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปีก่อนทั้งปีอยู่ที่ 1,778 ล้านเหรียญฯ
ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และการเร่งขยายพอร์ตธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานแบบก้าวกระโดดตามกลยุทธ์ Greener & Smarter โดยช่วงที่ผ่านมาในปีนี้ มีการลงทุนในแหล่งก๊าซธรรมชาติและธุรกิจกลางน้ำที่เกี่ยวข้องในสหรัฐฯ ทั้งยังได้ลงทุนในโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture and Sequestration: CCS) ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ในรัฐเท็กซัส รวมทั้งยังมีการลงทุนในธุรกิจใหม่นอกเหนือจากธุรกิจพลังงาน เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้พอร์ตฟอลิโอทางธุรกิจและสร้าง New S-Curve โดยเริ่มจากการลงทุนในกองทุนด้านเฮลธ์แคร์ นับเป็นการเปิดมิติใหม่สู่ธุรกิจที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ผู้คน (Life-Betterment)
ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้คาดยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ผ่านมา โดยธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ธุรกิจเหมือง ราคาถ่านหินยังเป็นบวกต่อบริษัทฯ ประกอบยังมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตถ่านหินในอินโดนีเซีย ในช่วงไตรมาส 4/65 หลังจากสภาพอากาศของเหมืองดีขึ้น ด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดกำลังการผลิตใกล้เคียงครึ่งปีแรก แต่จะรับรู้กำลังการผลิตของแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ส่งผลให้กำลังผลิตรวมของธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปู เพิ่มเป็น 900 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าต่อวัน จากปัจจุบัน 700 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าต่อวัน
สำหรับงบลงทุนปี 65 บริษัทฯ วางไว้ที่ 1,300 ล้านเหรียญฯ โดยครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว แบ่งเป็น ซื้อแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ฯ มูลค่า 750 ล้านเหรียญฯ, ลงทุนในกองทุนเฮลธ์แคร์ในสหรัฐ จำนวน 150 ล้านเหรียญฯ และลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อีก 30 ล้านเหรียญฯ โดยที่เหลือจะใช้รองรับการลงทุนในครึ่งปีหลังนี้ ที่ส่วนใหญ่มุ่งใช้ในธุรกิจโรงไฟฟ้า
ด้านนายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังนี้ คาดจะเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากในไตรมาส 3/65 คาดว่าจะสามารถปิดดีลโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 2 ดีล ขนาดกำลังการผลิตรวมกว่า 65 เมกะวัตต์ รวมถึงมีการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโครงการ Nhon Hai ขนาด 35 เมกะวัตต์ ที่จะรับรู้เข้ามาเต็มที่เป็นไตรมาสแรก
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ยังคงมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนทั้งในด้านพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าร่วมในรูปแบบ Combined Cycle Gas Turbine เพิ่มเติมในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีที่อยู่ระหว่างเจรจาประมาณ 1-2 ดีล แต่ด้วยตอนนี้ราคาก๊าสยังทรงตัวในระดับที่สูงมีผลทำให้มูลค่าการลงทุนเพิ่มสูงขึ้นตาม ดังนั้น การลงทุนอาจต้องรอให้อยู่ในช่วงจังหวะและเวลาที่เหมาะสม
ขณะเดียวกันก็มีการศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ในกลุ่มประเทศที่บริษัทเคยไปลงทุนแล้ว รวมถึงในประเทศที่ภาครัฐให้การสนับสนุนการลงทุนด้านพลังงานเพิ่มเติม โดยมีทั้งรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Long Term PPA) โดยปัจจุบันก็อยู่ระหว่างการศึกษา 2-3 โครงการ และสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแบบ Feed-in Tariff (FiT) อีก 1 โครงการ คาดว่าจะสรุปความชัดเจนในระยะถัดไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ส.ค. 65)
Tags: BANPU, บ้านปู, สมฤดี ชัยมงคล, หุ้นไทย