
กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (17 ส.ค.) ว่า ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า 1.44 ล้านล้านเยน (1.07 หมื่นล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ค. เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าสูงขึ้นและสกุลเงินเยนอ่อนค่าลง ซึ่งนับเป็นการขาดดุลเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกัน
ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าพุ่งขึ้น 47.2% จากปีก่อนหน้า แตะที่ 10.19 ล้านล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 18 ขณะที่มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 19.0% แตะ 8.75 ล้านล้านเยน ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 17 โดยมูลค่าการนำเข้าและส่งออกแตะระดับสูงสุด นับตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลในเดือนม.ค. 2522
มูลค่าการนำเข้าปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากออสเตรเลีย มีราคาแพงขึ้น
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังระบุว่า มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการส่งออกรถยนต์และอุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่แข็งแกร่งไปยังสหรัฐ และส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังฟิลิปปินส์
เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ กล่าวว่า ยอดการนำเข้าและส่งออกที่ขยายตัวเป็นผลมาจากราคาที่สูงขึ้น โดยระบุเสริมว่าราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ส.ค. 65)
Tags: ขาดดุลการค้า, ญี่ปุ่น, เศรษฐกิจญี่ปุ่น