สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลงนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนมิ.ย. หมายความว่า ภาวะการเงินกำลังผ่อนคลายลง แม้เศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 1.5% ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้อยู่ในทิศทางที่เอื้ออำนวยให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ภาวะทางการเงินสะท้อนถึงความพร้อมของเงินทุนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งกำหนดการใช้จ่าย การออมและแผนการลงทุนของธุรกิจและครัวเรือน ดังนั้น บรรดาธนาคารกลางจึงต้องการคุมเข้มภาวะทางการเงินเพื่อช่วยควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้อยู่เหนือระดับเป้าหมายอย่างมาก
ดัชนีภาวะการเงินของสหรัฐ (FCI) โดยโกลด์แมน แซคส์ ซึ่งประเมินต้นทุนการกู้ยืม ระดับหุ้น และอัตราแลกเปลี่ยน ได้ผ่อนคลายลง 0.8% นับตั้งแต่การประชุมเฟดเมื่อเดือนมิ.ย.
ส่วนดัชนีภาวะการเงินจากเฟดชิคาโก ซึ่งติดตามสภาวะทางการเงินที่ไม่ขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน นั้นติดลบ หมายความว่าสภาวะทางการเงินผ่อนคลายเมื่อเทียบกับภาพของสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน
สำหรับเขตยูโรโซน โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ดัชนีภาวะการเงินได้คลายตัวลงประมาณ 0.4%
แดนน์ สตรูเวน นักเศรษฐศาสตร์ระดับอาวุโสของโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า “เมื่อเดือนมิ.ย. เราคิดว่าสภาวะทางการเงินของสหรัฐส่วนใหญ่อยู่ในระดับที่เอื้อให้ชะลอตัวลงแล้ว” แต่ผลลัพธ์จริงกลับกลายเป็นว่าภาวะการเงินดูจะผ่อนคลายมากเกินไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ส.ค. 65)
Tags: ธนาคารกลางสหรัฐ, อัตราดอกเบี้ยนโยบาย, เงินเฟ้อ, เฟด, เศรษฐกิจสหรัฐ, แดนน์ สตรูเวน, โกลด์แมน แซคส์